สหภาพยุโรป หรือ อียู ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศ ระบุว่า การที่รัสเซียหยุดส่งก๊าซให้แก่สมาชิกบางประเทศอย่างปัจจุบันทันด่วนนั้น เป็นสิ่งที่ "ยอมรับไปได้โดยสิ้นเชิง" พร้อมกับเรียกร้องให้รัสเซียกลับมาจ่ายก๊าซในทันที
ถ้อยแถลงของสหภาพยุโรปมีขึ้น หลังจากที่โรมาเนีย กรีซ ตุรกี และ บัลแกเรีย รายงานว่า ก๊าซธรรมชาติที่จัดส่งมาจากรัสเซียผ่านท่อส่งก๊าซในยูเครนได้ถูกตัดขาดที่บริเวณชายแดนยูเครน-โรมาเนีย
โดยกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของบัลแกเรียรายงานว่า การจัดส่งก๊าซได้ยุติลงเมื่อเวลา 03.30 น.วันนี้ ด้าน ดิมิทาร์ โกกอฟ ซีอีโอของบริษัทบัลการ์ก๊าซ เจ้าของท่อส่งก๊าซในบัลแกเรีย กล่าวว่า บัลแกเรียมีก๊าซธรรมชาติสำรองพอใช้ต่อไปอีกไม่กี่วันเท่านั้น
ขณะที่ ฮิลมี กูเลอร์ รมว.พลังงานของตุรกี ได้ยืนยันว่า การจัดส่งก๊าซจากรัสเซียให้แก่ประเทศในยุโรปได้ยุติลงเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ โดยตุรกีพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยการจัดหาก๊าซจากแหล่งอื่นเพื่อชดเชยอุปทานที่ขาดหายไป
ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจของโรมาเนียรายงานว่า ก๊าซธรรมชาติที่รัสเซียส่งให้แก่โรมาเนียนั้นหดหายไปมากกว่า 2 ใน 3 และการจ่ายก๊าซผ่านสถานี 1 ใน 2 แห่งของประเทศถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้ วิกฤตด้านพลังงานในยุโรปครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่บริษัท ก๊าซพรอม ของรัสเซีย และบริษัท นาฟโทก๊าซ ยูเครนี ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลยูเครน มีปัญหาขัดแย้งกันจนทำให้รัสเซียยุติการจัดส่งก๊าซให้กับยูเครนตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยก๊าซพรอมได้กล่าวหาบริษัทของยูเครนว่าลักลอบขโมยก๊าซและไม่ได้จ่ายเงินตามกำหนด ซึ่งความขัดแย้งครั้งนี้ส่งผลกระทบต่ออุปทานก๊าซธรรมชาติที่มีการจัดส่งไปยังทวีปยุโรป