สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่เงินยูโรร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะถดถอยอาจบีบให้ธนาคารกลางยุโรปลดดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมสัปดาห์หน้า
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3522 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3604 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4953 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4698 ดอลลาร์/ปอนด์
ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 93.780 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 93.370 เยน/ดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1147 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1090 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7232 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพุธที่ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5970 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5901 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กำลังผลักดันให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการลดหย่อนภาษีซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของมาตรการดังกล่าวที่คาดว่าอาจมีวงเงินสูงถึง 7.75 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่นายแฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า นักเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 20 คนแนะนำโอบามาว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ควรมีวงเงินสูงถึง 1.2-1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
วูลฟอล์คกล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามาจะช่วยฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐกำลังเผชิญความท้าทายที่หนักหน่วง"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐประจำเดือนพ.ย.ร่วงลงเกินคาด 4.6% โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีในเดือนพ.ย.
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 15 ม.ค. โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยลงอีก จากปัจจุบันที่ระดับ 2.5% อีกทั้งจับตาดูการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดีที่ 8 ม.ค.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะลดดอกเบี้ยเช่นกัน เนื่องจากระบบการเงินของอังกฤษยังอยู่ในภาวะตึงตัว