เจเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป (จีเอ็ม) บริษัทผลิตยานยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่าเงินกู้ที่ได้รับจากรัฐบาลสหรัฐมีมากพอที่จะดำเนินกิจการต่อไปได้ และทางบริษัทอาจไม่ต้องกู้เงินเพิ่มอีกหากสภาพเศรษฐกิจไม่ย่ำแย่ไปกว่านี้
ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังสหรัฐปล่อยเงินกู้ให้จีเอ็มเป็นมูลค่ากว่า 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อให้ทางบริษัทนำไปใช้หนี้ พร้อมเงินอีก 6 พันล้านดอลลาร์สำหรับ จีเอ็มเอซี แอลแอลซี บริษัทเครดิตของจีเอ็ม หลังจากที่ทางบริษัทเผยว่าไม่มีเงินที่จะทำธุรกิจต่อไปได้
"เงินกู้ที่เราได้รับจากรัฐบาลสหรัฐมีมากพอที่จะทำให้เราดำเนินการต่อไปตามแผนการที่ระบุไว้ในรายงานที่ยื่นต่อสภาคองเกรสเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา" เกร้ก มาร์ติน โฆษกของจีเอ็ม กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทางบริษัทสามารถใช้หนี้คืนได้ จีเอ็มจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อลดหนี้ให้เหลือเพียงครึ่ง รวมถึงลดจำนวนตัวแทนจำหน่ายลง โดยทางบริษัทต้องส่งมอบรายงานความคืบหน้าต่อกระทรวงการคลังในวันที่ 17 ก.พ. และส่งรายงานฉบับสุดท้ายในวันที่ 31 มี.ค. และหากแผนการดำเนินงานของบริษัทไม่ผ่านการพิจารณาจากรัฐบาล ทางบริษัทจำเป็นต้องคืนเงินที่กู้ยืมมาทั้งหมดในทันที
เรเน่ ราชิด-มีเรม โฆษกหญิงของจีเอ็ม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา จีเอ็มได้รับเงินงวดแรกจากรัฐบาลเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยทางบริษัทนำเงินดังกล่าวไปใช้หนี้ ส่วนเงินงวดถัดมามูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์จะได้รับในเดือนนี้ และหากสภาคองเกรสอนุมัติ ทางบริษัทจะได้รับเงินอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
จีเอ็มคาดการณ์ว่ายอดขายยานยนต์ในสหรัฐน่าจะอยู่ที่ราว 10.5 - 12 ล้านคันในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน