FED เตือนศก.สหรัฐส่อเค้าหดตัวรุนแรงต้นปีนี้ ยืนยันขยายวงเงินกู้ฉุกเฉินหากจำเป็น

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 7, 2009 09:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 15-16 ธ.ค.ปีพ.ศ. 2551 ว่า เศรษฐกิจสหรัฐในช่วงปลายปีที่แล้วมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลงมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.75-1.0% เหลือเพียง 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 จากเดิมที่ระดับ 1.00% นอกจากนี้ เฟดยังประกาศว่าจะขยายวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับภาคเอกชนหากจำเป็น

"เฟดเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงอ่อนแอไปอีกระยะหนึ่งและมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลงมากขึ้น นอกจากนี้ เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่ำจนถึงระดับที่จะก่อให้เกิดภาวะเงินฝืดได้ คณะกรรมการเฟดหลายท่านคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงอย่างรุนแรงในไตรมาส 4 ของปี 2551 จนถึงช่วงต้นปี 2552 แต่มีบางท่านมองว่าเศรษฐกิจน่าจะถดถอยยาวนานกว่านั้น" รายงานการประชุมเฟดระบุ

คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่มั่นใจว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบในด้านบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ พร้อมระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องให้นักลงทุนรับรู้ว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ผิดเพี้ยนขึ้นในตลาด

ในส่วนของเครื่องมือทางเศรษฐกิจนั้น เฟดยังเชื่อมั่นว่าการเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะยาวและหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆจะช่วยกระตุ้นสภาพคล่องให้หมุนเวียนดีขึ้น นอกจากนี้ เฟดจะยังคงขยายวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับภาคเอกชนหากจำเป็น

"เฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เอาไว้ นอกจากนี้ คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีเล็งเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้จะช่วยปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ถดถอยในระดับที่ลึกและรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่"

เฟดยังคงยืนหยัดในนโยบายสนับสนุนกลไกตลาดการเงินให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน โดยผ่านการแทรกแซงตลาดอย่างเหมาะสม รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน และการให้ความช่วยเหลือภาคส่วนต่างๆที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์" เฟดระบุ

ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% มากกว่าที่คาดว่าจะหดตัวเพียง 0.3% และเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีพ.ศ.2544 ซึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนพ.ย.ทำสถิติดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 34 ปีที่ระดับ 533,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะที่ 6.7% จากระดับ 6.5% เมื่อเดือนต.ค.

เจพีมอร์แกน คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.จะร่วงลง 500,000 ราย ซึ่งจะทำให้ตัวเลขจ้างงานตลอดปี 2551 ลดลงสู่ระดับ 2.4 ล้านคน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 60 ปี โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.ในวันศุกร์ที่ 9 ม.ค.นี้ และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี สำนักข่าวเอพีรายงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ