Reis Inc. บริษัทวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในนครนิวยอร์กรายงานว่า จำนวนพื้นที่ว่างในอาคารและศูนย์การค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปีในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551 และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ว่างในศูนย์การค้าระดับภูมิภาคพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับ 7.1% ในไตรมาส 4 จากระดับ 6.6% ในไตรมาส 3 และทำสถิติขยายตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดเก็บข้อมูลในปี 2543 ขณะที่อัตราพื้นที่ร้านค้าว่างในศูนย์การค้าระดับชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.9% จากระดับ 8.4% ในไตรมาส 3 จากผลกระทบของยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลดลงจนทำให้ร้านค้าหลายแห่งต้องปิดกิจการ
โดยในปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการร้านค้าปลีกหลายแห่ง อาทิ Circuit City Stores Inc., Linens ‘n Things Inc. และ Sharper Image Corp ต่างทยอยยื่นเอกสารพิทักษ์ทรัพย์ล้มละลาย ท่ามกลางวิกฤตยอดขายซบเซาจากผลกระทบของตลาดสินเชื่อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า อัตราพื้นที่ว่างให้เช่าในศูนย์การค้าจะพุ่งสูงขึ้นจนกว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัว และราคาบ้านเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ รวมถึงการปล่อยเงินกู้มากขึ้น และการที่ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นกลับคืนมา
วิคเตอร์ คาลานอก ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยของ Reis กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "การใช้จ่ายผู้บริโภคมักขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มั่นคง"
ด้านโฮเวิร์ด ดาวิดอวิทซ์ นักวิเคราะห์จาก Davidowitz & Associates Inc.คาดการณ์ว่า บรรดาร้านค้าปลีกอาจต้องปิดกิจการถึง 12,000 แห่งในปีนี้ หลังจากที่ยอดขายในช่วงวันหยุดร่วงลงหนักสุดในรอบ 40 ปี