อินเทล คอร์ป บริษัทผลิตชิปรายใหญ่สุดของโลกคาดว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว จะอยู่ในระดับที่น้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ราว 500 ล้านดอลลาร์ แม้ก่อนหน้านี้จะมีการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทลงอย่างมากแล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลงอย่างมากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
โดยผลประกอบการไตรมาส 4 ปีที่แล้ว อยู่ที่ 8.2 พันล้านดอลลาร์ หรือลดลง 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และน้อยกว่าตัวเลข 8.7 พันล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเป็นเพดานต่ำสุดที่ทางบริษัทคาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ย.
ในขณะเดียวกัน อินเทลคาดการณ์ว่าผลกำไรรวมของบริษัทจะแตะเพดานต่ำสุดที่ 53 - 57% ของผลประกอบการ โดยอินเทลจะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ซึ่งจะได้รับการเผยแพร่ในวันที่ 15 ม.ค.นี้
การที่อินเทลต้องปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4 ถึงสองครั้งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
อินเทลให้เหตุผลว่าผลประกอบการลดลงเพราะอุปสงค์ที่ซบเซาเกินคาด เนื่องจากผู้บริโภคต้องรัดเข็มขัดในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ อัตราว่างงานพุ่งสูง และราคาบ้านร่วงลงหนัก ส่งผลให้หลายบริษัทต้องระงับการอัพเกรดคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่จนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ทำให้ยอดขายชิปคอมพิวเตอร์ของอินเทลร่วงลงในที่สุด
ซันนี่เวล คู่แข่งรายสำคัญของอินเทลในตลาดไมโครโปรเซสเซอร์ ก็ประกาศลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4 ลงราว 25% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 หรือร่วงลงกว่า 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นอินเทลร่วงลงกว่า 6% สำนักข่าวเอพีรายงาน