คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรคกูเลเตอร์) เล็งปรับราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) งวดใหม่ประจำเดือน ม.ค.-เม.ย.52 เพิ่มขึ้นอีก 14.85 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มจากงวดก่อน 4.9%
"เรคกูเลเตอร์จะเผยแพร่ค่าเอฟทีงวดใหม่ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ภายในวันนี้ เป็นระยะเวลา 5 วันเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อน จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมเรคกูเลเตอร์อีกครั้งในวันที่ 13 มกราคมก่อนประกาศใช้ต่อไป" นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานเรคกูเลเตอร์ กล่าว
ทั้งนี้ ค่าเอฟทีงวดใหม่ที่เพิ่มขึ้น 14.85 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งหากรวมกับคาไฟฟ้าฐานจะทำให้ค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นประมาณหน่วยละ 3.17 บาท หรือคิดเป็น 4.9% เท่านั้น ต่ำกว่าที่ก่อนหน้านี้เรคกูเรเตอร์คาดแนวโน้มค่าเอฟทีงวดใหม่อาจปรับขึ้น 40-50 สตางค์/หน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 77.70 สตางค์/หน่วย
สำหรับต้นทุนค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดใหม่ที่มีการปรับขึ้นน้อยกว่าต้นทุนที่ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เสนอมาว่าจะต้องปรับเพิ่มขึ้นถึง 50 สตางค์ต่อหน่วย ตามราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-12 เดือน
"เรคกูเลเตอร์เห็นว่าแนวโน้มราคาน้ำมันในอนาคตมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ จึงได้มอบหมายให้ กฟผ.รับภาระต้นทุนไว้ส่วนหนึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้คืนได้หมดภายในระยะเวลา 2 งวด หากไม่ปรับขึ้นเลยก็จะกระทบต่อฐานะการเงินของ กฟผ.กว่า 7,000 ล้านบาท" นายดิเรก กล่าว
การคำนวณค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดใหม่ยังได้ปรับสูตรการคำนวณเกณฑ์ต้นทุนก๊าซธรรมชาติใหม่ จากเดิมใช้สูตรย้อนหลัง 2 เดือน เป็นล่วงหน้า 4 เดือน ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติลดจาก 275 บาทต่อล้านบีทียู เป็น 251 บาทต่อล้านบีทียู แต่ยังสูงกว่างวดที่แล้วที่อยู่ในระดับ 22 บาทต่อล้านบีทียู โดยประชาชนที่ใช้ฟ้าต่ำกว่า 80 หน่วยต่อเดือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าไฟฟ้างวดนี้ เนื่องจากเข้าข่ายได้รับการลดรายจ่ายตามมาตรการ 6 มาตรการ 6 เดือนหลังจากครบกำหนดเดิมในวันที่ 31 ม.ค.นี้