(เพิ่มเติม) รมว.คลัง เล็งใช้เงินคงคลังโปะงบประมาณปี 52 หลังรายได้รัฐหลุดเป้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 9, 2009 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ทางวิทยุเช้านี้ว่า รัฐบาลจะนำเงินคงคลังมาใช้จ่ายเพื่อชดเชยการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในปีงบประมาณ 52 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดไว้ว่าการจัดทำงบประมาณครั้งต่อไปให้ตั้งงบประมาณมาชดเชยเงินคงคลังที่ใช้ไป อีกทั้งจะมีงบที่ใช้ชดเชยดังกล่าวปรากฎในงบกลางปีด้วย

"ส่วนของรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าจะใช้เงินคลังตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เขียนไว้ว่าในการจัดทำงบประมาณครั้งต่อไปจะต้องตั้งบชดเชยในส่วนที่ใช้จากเงินคงคลัง" นายกรณ์ กล่าว

อนึ่ง ณ สิ้นเดือน พ.ย.51 เงินคงคลังอยู่ที่ 9.1 หมื่นล้านบาท

รมว.คลัง กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวมีเจตนาที่จะสร้างวินัยการคลัง เพราะในอดีตไม่มีการกำหนดมาตรการใดๆ ให้รัฐบาลต้องชดเชยการนำเงินคงคลังมาใช้ และถึงแม้การจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็จะไม่สร้างผลกระทบต่อเพดานการก่อหนี้สาธารณะ แต่จะทำให้วงเงินงบประมาณที่จะจัดสรรให้กับโครงการต่างๆ ในปีงบประมาณ 2553 ถูกปรับลดลง

ทั้งนี้ รัฐบาลมีหลายช่องทางในการกู้ยืมเงิน เช่น การเข้าไปค้ำประกันเงินที่จะให้ ธ.ก.ส.นำมาใช้ดำเนินโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร, การกู้เงินจากต่างประเทศที่มีเพดานอยู่ที่ 10% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย เป็นต้น

รมว.คลัง ยอมรับว่า พันธกิจทางการคลังของรัฐบาลไม่ได้มีแค่งบกลางปี 1 แสนล้านบาท เพราะยังมีมาตรการทางภาษีที่ไม่ได้นำมารวมไว้กับงบกลางปี ส่วนการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศนั้นได้มีการประสานกับธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(ADB) และ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(JBIC)อย่างต่อเนื่อง

สถาบันการเงินระหว่างประเทศดังกล่าวทุกรายก็ยินดีจะเข้ามาช่วยเหลือประเทศไทยในการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ เพราะการออกพันธบัตรในประเทศไม่ได้ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นแค่เปลี่ยนมือเท่านั้น โดยวงเงินกู้จากต่างประเทศที่กำหนดไว้คือ 1.83 แสนล้านบาทต่อปีนั้นยังมีวงเงินเหลืออยู่ราว 1.48 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้แน่นอน

สำหรับข้อเสนอของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ต้องอาศัยกลไกรัฐในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากกว่าปกติ ไม่สามารถปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด หรือปล่อยให้มีการขับเคลื่อนโดยภาคเอกชนเพียงลำพัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ