ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า สินเชื่อผู้บริโภคปรับตัวลดลงกว่า 3.7% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2541
หากเทียบเป็นมูลค่าสกุลเงินดอลลาร์ สินเชื่อให้ผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงราว 7.94 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดในรอบ 65 ปี และร่วงหนักกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนพ.ย. สหรัฐมีสินเชื่อผู้บริโภคเหลืออยู่ 2.57 ล้านล้านดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน ความต้องการสินเชื่อเพื่อซื้อรถ ท่องเที่ยว การศึกษา และอื่นๆ ร่วงลงราว 3.9% หลังจากที่ร่วงลง 2.1% ในเดือนธ.ค.
สินเชื่อผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงสถานการณ์การใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดในสหรัฐ และเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ
ในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ชาวอเมริกันลดการใช้จ่ายลงราว 3.7% ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2523 อันเป็นผลมาจากอัตราว่างงานที่พุ่งสูง ราคาบ้านที่ร่วงหนัก และวิกฤตสินเชื่อครั้งใหญ่ของโลก
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าสินเชื่อผู้บริโภคไม่น่าจะดีดตัวขึ้นในเร็ววันนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องจนถึงช่วงต้นปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน