วิลเลียม เคลย์ ฟอร์ด จูเนียร์ ประธานบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่งาน North American International Auto Show ที่เมืองดีทรอยท์ ในวันนี้ว่า ฟอร์ดมีจุดมุ่งหมายชัดเจนที่จะยืนด้วยขาของตนเองโดยไม่ขอกู้เงินจากรัฐบาลสหรัฐเหมือนกับเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และไคร์สเลอร์ นอกเสียจากว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยในระดับที่รุนแรง
การแสดงความคิดเห็นของประธานฟอร์ดถือเป็นการยืนยันว่า ฟอร์ดยังสามารถประคองกิจการต่อไปได้ด้วยวงเงิน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ฟอร์ด ซึ่งเป็นบริษัทรถรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐได้กู้ยืมจากสถาบันการเงินเมื่อช่วงปลายปี 2549 โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ โดยฟอร์ดเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถรับมือกับการขาดทุนและการปิดโรงงานหลายแห่ง ขณะที่จีเอ็มและไคร์สเลอร์จำเป็นต้องขอกู้เงินจากรัฐบาลสหรัฐรายละ 4 พันล้านดอลลาร์เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้
เลวิส บูธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของฟอร์ดกล่าวว่า ฟอร์ดมีเงินสดหมุนเวียนอยู่ราว 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4 ไม่มากเท่ากับในไตรมาส 3 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ลงสู่ระดับ C ซึ่งต่ำกว่าระดับหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสมควรแก่การลงทุน หรือระดับ "ขยะ" ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ลงสู่ระดับ Caa3 ซึ่งต่ำกว่าระดับหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสมควรแก่การลงทุน หรือระดับ "ขยะ" เช่นกัน
การปรับลดอันดับเครดิตครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าจีเอ็มต้องแบกรับหนี้สินที่ขอกู้ยืมจากโครงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นการกู้ร่วมกับไครสเลอร์ แอลแอลซี ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ทั้งสองบริษัทต้องปรับลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงลดต้นทุนด้านการจ้างงานด้วย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน