นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการจัดสรรงบกลางปีงบประมาณ 52 เพิ่มเป็น 1.2 แสนล้านบาทในวันพรุ่งนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะมีวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับกรอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณจากงบกลางปี 1.2 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะนี้ได้จัดทำเสร็จแล้ว เป็นมาตรการที่จับต้องได้ เช่น การจ่ายเงินค่าเบี้ยครองชีพคนชราอายุ 60 ปีขึ้นไป โครงการเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเป็นมาตรการที่ผันเงินถึงมือประชาชน
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประกอบด้วย 5 ด้าน คือ การจัดทำงบกลางปี 1.2 แสนล้านบาท , การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในเรื่องนี้เอง คาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้
การเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นเม็ดเงินกว่า 6 แสนล้านบาท โดยได้มีการพิจารณารายละเอียดของแผนการลงทุนรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งแล้ว และเตรียมนำหารือในที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ หรือการประชุมครม.เศรษฐกิจ วันที่ 14 ม.ค. เพื่อเสนอเรื่องให้กระทรวงเจ้าสังกัดดำเนินการต่อไป
ส่วนการเร่งรัฐเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจจะดำเนินการผ่านกรมบัญชีกลาง ,การใช้มาตรการภาษีเพื่อช่วยลดภาระของประชาชนและภาคเอกชน คาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาได้ในปลายเดือน ม.ค.นี้ และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านสถาบันการเงิน
"เมื่อวานนี้ผมได้ประชุมร่วมกับแบงก์รัฐ เรื่องสินเชื่อ คิดว่าจะปล่อยเข้าสู่ระบบได้เป็นเม็ดเงินหลายแสนล้านบาท เน้นธุรกิจเอสเอ็มอี เพราะเป็นห่วงมากที่สุด เพราะมีผลกระทบถึงประชาชนในวงกว้างมากกว่า และแบงก์เองจะประเมินความเสี่ยงเอสเอ็มอีมากที่สุดในการให้สินเชื่อ"รมว.คลัง กล่าว
ส่วนแนวทางการเพิ่มทุนของสถาบันการเงินของรัฐหลายแห่งเพื่อมีเงินทุนเพียงพอรองรับการปล่อยสินเชื่อนั้น รมว.คลัง กล่าวว่าจะไม่ใช้จากงบประมาณกลางปี แต่จะจัดหาเงินทุนจากแหล่งเงินอื่นๆ และไม่ได้มีนโยบายที่จะชะลอแผนการสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ เพื่อผันงบประมาณส่วนนี้มาเพิ่มทุนให้สถาบันการเงินของรัฐก่อน
นอกจากนี้ รมว.คลัง กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่ารัฐบาลมีแนวคิดจะจ่ายเงินโบนัสให้แก่ข้าราชการว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว