นสพ.ไชน่า เดลี่รายงานโดยอ้างการเปิดเผยจากกรมศุลกากรจีนว่า ยอดส่งออกของจีนประจำเดือนธ.ค.2551 ร่วงลงหนักสุดในรอบ 10 ปีจากผลกระทบของบรรยากาศทางการค้าที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้มีการปิดโรงงานและปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ยอดส่งออกของจีนในเดือนธ.ค.ปรับตัวลดลง 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นมูลค่า 1.112 แสนล้านดอลลาร์ และร่วงลงต่อเนื่องจากระดับ 2.2% ในเดือนพ.ย.ที่มียอดส่งออกติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ยอดขายที่ลดลงส่งผลให้โรงงานหลายแห่งปิดตัวลงและมีการปลดพนักงานจำนวนมาก จนทำให้ผู้นำจีนกังวลว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดความไม่สงบดังจะเห็นได้จากการประท้วงของกลุ่มคนงานในบางพื้นที่ ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการช่วยเหลือด้วยการปรับลดภาษีส่งออก ร่วมกับการใช้มาตรการอื่นๆเพื่อช่วยกลุ่มธุรกิจสิ่งทอและของเล่นที่กำลังประสบปัญหา พร้อมทั้งเรียกร้องให้บริษัทต่างๆหลีกเลี่ยงการปรับลดพนักงาน จิง อัลริช โฆษกหญิงของไชน่า ซีเคียวริตี้จากเจพี มอร์แกนคาดการณ์ว่า "การขยายตัวด้านการส่งออกส่อเค้าซบเซาในปีนี้ จากอัตราการขยายตัวในระยะสั้นๆที่ติดลบเมื่อเทียบเป็นรายปี"
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นอกจากจีนจะมียอดส่งออกในเดือนธ.ค.ที่ลดลงอย่างหนักแล้ว ยอดนำเข้าในช่วงเวลาดังกล่าวก็ร่วงลงรุนแรงถึง 21.3% คิดเป็นมูลค่า 7.22 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อเนื่องจากที่ทรุดตัวลง 17.9% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว