รัฐบาลจีนเผยภาคการค้าหดตัวลงอย่างหนักในเดือนธ.ค. หลังยอดส่งออกร่วงหนักสุดในรอบ 10 ปี
กรมศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ร่วง 2.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังจากที่หดตัวลง 2.2% ในเดือนพ.ย. กดดันให้โรงงานจีนหลายพันแห่งต้องปิดกิจการลงจนแรงงานบางส่วนเริ่มรวมตัวกันเพื่อประท้วง รัฐบาลจีนจึงเรียกร้องมิให้มีการปลดพนักงานไปมากกว่านี้ เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดการจลาจลขึ้นทั่วประเทศ
"ภาคการส่งออกน่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวในปีนี้ และมีแนวโน้มการขยายตัวในเชิงลบในระยะเวลาอันใกล้" จิง อุลริช ประธานหญิงฝ่ายตราสารทุนของเจพี มอร์แกน กล่าว
เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ทางการจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านหยวน (5.86 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้มีการพึ่งพิงการส่งออกมากเกินไป ในขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ก็ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างงานในประเทศ
ในขณะเดียวกัน จีนนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศลดลง 21.3% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังซบเซา รวมถึงอุปสงค์ที่ลดลงอย่างหนักในภาคส่วนต่างๆ อาทิ การก่อสร้าง การผลิตยานยนต์ และการผลิตเหล็ก
กรมศุลกากรสรุปว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ของจีนอยู่ที่ระดับ 1.112 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนยอดนำเข้าอยู่ที่ 7.22 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดเกินดุลเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่มียอดเกินดุลมากสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.01 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. สำนักข่าวเอพีรายงาน