นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ได้เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 52(งบกลางปี)วงเงินเบื้องต้น 115,000 ล้านบาท แยกเป็น 2 รายการ คือ งบประมาณเพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 96,000 ล้านบาท และงบชดเชยเงินคงคลัง 19,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นให้มีการนำเงินงบประมาณดังกล่าวจัดสรรให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยคาดว่างบประมาณจะถึงมือประชาชนโดยเร็ว และไม่เกิน 2-3 เดือนนี้จะเห็นผลต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งคาดการณ์ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลดำเนินการนี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งหลายหน่วยงานคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ถึง 2.5% ซึ่งรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.) จะมีการหารือในหลายละเอียดต่าง ๆ ของการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม รวมถึงมาตรการภาษีและมาตรการอื่นๆ ที่เตรียมประกาศใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
"งบกลางปีที่ออก 1.15 แสนล้านบาท เป็นกรอบเบื้องต้น แต่ กำหนดเพดานสูงสุดที่ไม่ควรทำเกิน 1.167 แสนล้านบาท ตามที่ ผอ.สำนักงบประมาณเสนอ ซึ่งจะได้มีการหารือในรายละเอียดต่อไป...มาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังไม่ได้มีการสำรวจว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตได้กี่เปอร์เซ็น แต่หลายสำนักคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 2.5% " นายพุทธิพงษ์ กล่าว
สำหรับการจัดสรรงบกลางปี 52 แยกเป็น 18 รายการ ประกอบด้วย โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ วงเงิน 18,970.4 ล้านบาท, โครงการ 5 มาตรการ 6 ดือน เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน เบื้องต้นกำหนดการยกเว้นการเก็บค่าไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย และค่าน้ำไม่เกิน 30 หน่วย ใช้งบประมาณ 11,409.2 ล้านบาท(ไม่รวมประปาท้องถิ่น),โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเกษตรกร 2,000 ล้านบาท,โครงการก่อสร้างภายในหมู่บ้าน เพื่อแก้ไขปัญหาควาเดือดร้อนของประชาชน 1,500 ล้านบาท, โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน 1,000 ล้านบาท,โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว 1,000 ล้านบาท
โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็ก 760 ล้านบาท ,โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 500 ล้านบาท, โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ 325 ล้านบาท, โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษา ไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี วงเงิน 19,000 ล้านบาท, โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท ,โครงการสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ 9,000 ล้านบาท,
โครงกาเรพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท , โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 3,000 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท ,โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095.8 ล้านบาท , เงินสำรองจ่ายฉุกเฉิน 2,391 ล้านบาท และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายกระทรวง และหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย การจัดสรรเป็นงบงบกลาง 12,000 ล้านบาท สำนักนายกรัฐมนตรี 15,200 ล้านบาท ก.ต่างประเทศ 325 ล้านบาท ,ก.ท่องเที่ยวและกีฬา 550 ล้านบาท ,ก.เกษตรและสหกรณ์ 2,000 ล้านบาท ,ก.คมนาคม 1,500 ล้านบาท ,ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 760 ล้านบาท,
ก.พาณิชย์ 1,000 ล้านบาท ,ก.มหาดไทย 12,557 ล้านบาท , ก.แรงงาน 16,058 ล้านบาท ,ก.วัฒนธรรม 21 ล้านบาท ,ก.ศึกษาธิการ 18,258 ล้านบาท , ก.สาธารณสุข 1,095 ล้านบาท ,ก.อุตสาหกรรม 489 ล้านบาท ,ส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี 1,972 ล้านบาท ,รัฐวิสาหกิจต่างๆ 11,874 ล้านบาท และการชดเชยเงินคงคลัง 19,000 ล้านบาท