เซ็นทัลไลน์ พร็อพเพอร์ตี เอเจนซี เปิดเผยว่ายอดขายบ้านในฮ่องกงปีที่แล้วร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากบ้านมีราคาสูงและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ
หว่อง หลุง ซิง รองผู้อำนวยการของเซ็นทัลไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเอเยนต์อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของฮ่องกง กล่าวว่าจำนวนที่อยู่อาศัยใหม่ที่ไม่ใช่ของรัฐบาล ลดลงไป 47% เหลือ 9,955 หลังในปีที่แล้ว มูลค่าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.73 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 996,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2539
ยอดขายบ้านเริ่มชะลอตัวลงเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ราคากลับดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ผู้ซื้อจึงถอนตัว และสถานการณ์ก็เลวร้ายลงในไตรมาส 3 เมื่อวิกฤตการเงินส่งผลกระทบฮ่องกง โดยราคาเฉลี่ยของยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยที่หรูหรามีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อหลัง
เศรษฐกิจฮ่องกงในไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% จากไตรมาส 2 ซึ่งหดตัว 1.4% เนื่องจากวิกฤตการเงินโลกทำให้ยอดส่งออกร่วงลงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็ซบเซาตามไปด้วย โดนัลด์ ซัง ประธานบริหารเขตปกครองพิเศษกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
คัสสัน เหลิง นักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส กล่าวว่า แนวโน้มที่ย่ำแย่อาจจะทำให้บริษัทอสังหาฯชะลอการขายบ้านในปีนี้ เนื่องจากไม่มั่นใจว่าตลาดจะให้ความสนใจกับโครงการของตนเองหรือไม่ และคาดว่า ยอดบ้านใหม่ที่มีการสร้างเสร็จเรียบร้อยปีนี้จะอยู่ที่ 11,000 หลัง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่ 9,000 หลัง บริษัทอสังหาฯอาจจะขายโครงการเหล่านี้ไปบ้างแล้วก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ
บริษัท เฉิง กง โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯรายใหญ่อันดับ 2 ของฮ่องกง ได้ขายบ้านใหม่ได้ 2,838 หลังเมื่อปีที่แล้ว รองลงมาคือ ซิโน แลนด์ ที่ขายไปได้ 1,385 หลัง บลูมเบิร์กรายงาน