สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวแซงหน้าเยอรมนีในปีที่แล้ว ส่งผลให้จีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก
โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีนมีการขยายตัว 13% ในปีที่แล้ว แตะ 25.731 ล้านล้านหยวน (3.38 ล้านล้านดอลลาร์) มากกว่าเยอรมนีที่มีการขยายตัว 2.424 ล้านบ้านยูโร (3.32 ล้านล้านดอลลาร์)
เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวโดยเฉลี่ย 9.9% ต่อปี นับตั้งแต่เติ้งเสี่ยวผิงนำพาชาติจีนเข้าสู่ระบอบทุนนิยมในปี 2521 ซึ่งปัจจุบันจีนกำลังพยายามรักษาอัตราการขยายตัวดังกล่าวด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์) ในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างหนัก
"ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงหลักฐานชิ้นหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนเป็นประเทศที่มีความสำคัญบนเวทีโลก" หวง ยี่ผิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ในฮ่องกง กล่าว "ในความเป็นจริงจีนทำได้ดีกว่าอันดับ 3 เนื่องจากจีนเป็นประเทศเดียวที่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้"
"หากเศรษฐกิจจีนยังขยายตัวในอัตราเดียวกับช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และเศรษฐกิจสหรัฐก็ขยายตัวในอัตราปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนจะโตแซงหน้าสหรัฐภายใน 20 ปี" ทิม คอนดอน หัวหน้าฝ่ายวิจัยจากไอเอ็นจี กรุ๊ป ในสิงคโปร์ กล่าว "สภาพการณ์ดังกล่าวต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น"
ทั้งนี้ สหรัฐยังครองประเทศเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก ส่วนอันดับ 2 ตกเป็นของญี่ปุ่น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน