ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงเทียบเยน,ฟรังค์ หลังสหรัฐเผยยอดค้าปลีกทรุดหนัก

ข่าวต่างประเทศ Thursday January 15, 2009 07:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน และฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ทรุดตัวลงเกินคาด ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับเครดิรของกรีซ และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3159 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3195 ดอลลาร์/ยูโร เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 1.4567 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4500 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเยนที่ 89.040 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 89.130 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1170 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1180 ฟรังค์/ดอลลาร์

ดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.5401 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5519 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.6590 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6635 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดค้าปลีกประจำเดือนธ.ค.ปี 2551 ร่วงลง 2.7% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดไว้กว่า 2 เท่าที่ 1.2% โดยยอดค้าปลีกของสหรัฐร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 6 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงและภาคเอกชนที่ลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้บริโภคประหยัดการใช้จ่าย

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยลบจากรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างหนักในทุกภูมิภาค

ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจาก S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ของกรีซ และเยอรมนีเปิดเผยว่าเศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัวเพียง 1.3%ในปี 2551 นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดเงินว่า ธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% มาอยู่ที่ 2.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2548 ในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 15 ม.ค. โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนให้รอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ