กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า เม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศของจีนในเดือนธ.ค.2551 ปรับตัวลดลง 5.7% จากปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 5.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนและวิกฤตตลาดสินเชื่อทั่วโลกตึงตัว ประกอบกับผลกำไรที่ลดลงยังคงเป็นปัจจัยลบต่อบรรยากาศการลงทุนในปีนี้ โดยดัชนี CSI 300 ดิ่งลง 66% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่ของจีนลดลงเป็นครั้งแรกในเดือนธ.ค. ส่วนการส่งออกซบเซาจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและยุโรป
หม่า ยู นักวิเคราะห์จากสถาบันความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีนกล่าวว่า "หลายประเทศจะต้องเพิ่มความระมัดระวังด้านการใช้จ่าย ขณะที่เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศจีนเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นก็เริ่มมีจำนวนลดน้อยลง"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในปี 2551 จีนมียอดเงินลงทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น 23.6% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาตินอกภาคธุรกิจการเงินที่ถีบตัวสูงขึ้น 63.6% แตะระดับ 4.07 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามจำนวนบริษัทใหม่ๆที่ก่อตั้งโดยนักลงทุนสหรัฐนั้นปรับตัวลดลง 32% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2551 เช่นเดียวกับบริษัทยุโรปที่ตกลงไป 23%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ขยายตัวที่ระดับ 9% ขณะที่โรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์คาดว่า เศรษฐกิจในไตรมาสสี่จะชะลอตัวมาอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 5.4% ส่วนยอดส่งออกในเดือนธ.ค.ลดลงหนักสุดในรอบเกือบ 10 ปี
รัฐบาลจีนได้เบนเข็มจากความพยายามควบคุมกระแสเงินไหลเข้าเพื่อบรรเทาภาวะเงินเฟ้อมาเป็นการประกาศแผนอัดฉีดเงิน 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย