นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการ อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในระยะต่อจากนี้หากมีการปรับลดก็อาจจะไม่ลดลงมากเท่าที่กับที่เคยลดลง 1% และ 0.75% ในช่วงที่ผ่านมา หากว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังพอไปได้
การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมาตรการทางการคลังจะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นผล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินมากระตุ้นก่อน ด้วยการผ่อนคลายปัญหาด้านต้นทุน ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค เพราะเห็นผลเร็วกว่า แต่ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้รัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการอุปโภคบริโภค
แม้ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยม แต่ถ้าทำในระยะสั้นและช่วยให้ผู้ประกอบการขายของได้ และมีการจ้างงาน ก็จะช่วยให้เกิดการอุปโภคบริโภคได้ เศรษฐกิจไทยในปีนี้ก็น่าจะฟื้นได้มาที่ 2.5% ซึ่งภาครัฐจะต้องเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมายในระดับ 94%
นางอมรา กล่าวในสัมมนาวิชาการ"วิกฤติเศรษฐกิจกับการจ้างงาน"ที่จัดโดยศาลแรงงานกลางว่า หากเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวในขั้นเลวร้ายสุดคือ 0% ก็จะทำให้เกิดปัญหาการว่างงานรุนแรงขึ้นมาถึงระดับ 1 ล้านคน หรือมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาที่ 2.8% จากขณะนี้มีผู้ว่างงานประมาณ 5 แสนคน แต่ก็ยังถือว่าไม่มากเท่ากับปี 41 ที่อัตราการว่างงานสูงถึง 4%