สกุลเงินเอเชียร่วงถ้วนหน้า เหตุวิตกเศรษฐกิจถดถอยกระตุ้นนลท.แห่ซื้อสกุลเงินนอก

ข่าวต่างประเทศ Thursday January 15, 2009 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินหลักๆในเอเชีย ร่วงลงถ้วนหน้าในวันนี้ โดยค่าเงินวอนเกาหลีใต้ ริงกิตมาเลเซีย และดอลลาร์ไต้หวัน ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินที่มีความปลอดภัยมากกว่าสกุลเงินในเอเชีย นอกจากนี้ สกุลเงินเอเชียยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของยอดค้าปลีกสหรัฐและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในญี่ปุ่น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ดิ่งลง 2.7% ซึ่งร่วงลงแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับลงเพียง 1.2% โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 248.42 จุด หรือ 2.94% แตะที่ 8.200.14 จุดเมื่อคืนนี้ด้วย ขณะที่ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ย. 2551 ร่วงลง 16.2% จากเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายเดือน

ณ เวลา 13.45 น.ตามเวลากรุงโซลในวันนี้ ค่าเงินวอนร่วงลง 1.6% หลังจากนายเบ กุ๊ก กวาน รมช.คลังเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศปีนี้อาจขยายตัวต่ำกว่าที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดการณ์ไว้ที่ 2% ขณะที่ค่าเงินริงกิตร่วงลง 0.6% ดอลลาร์ไต้หวันดิ่งลง 0.2% รูเปียห์ร่วงลง 0.9% และค่าเงินเปโซดิ่งลง 0.4%

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ร่วงลง 0.7% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.4978 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินบาทของไทย, เงินหยวนของจีน และดอลลาร์ฮ่องกงเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในวันนี้ว่า เม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศของจีนในเดือนธ.ค.2551 ปรับตัวลดลง 5.7% จากปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 5.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนและวิกฤตตลาดสินเชื่อทั่วโลกตึงตัว ประกอบกับผลกำไรที่ลดลงยังคงเป็นปัจจัยลบต่อบรรยากาศการลงทุนในปีนี้ โดยดัชนี CSI 300 ดิ่งลง 66% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่ของจีนลดลงเป็นครั้งแรกในเดือนธ.ค. ส่วนการส่งออกซบเซาจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและยุโรป

คิม ซัง ซุน ดีลเลอร์จากอินดัสเทรียล แบงก์ ออฟ โคเรีย ในกรุงโซล กล่าวว่า "การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกวิตกกังวล และทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งเราคาดว่าแรงซื้อดอลลาร์จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ