นายศุภชัย พาณิชภักดิ์ เลขาธิการที่ประชุมแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา(อังค์ถัด) กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ"วิกฤติการณ์อาหารและพลังงาน" ในการประชุมวิชาการมันสำปะหลังนานาชาติว่า วิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มให้การเพาะปลูกพืชอาหารลดลง เพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรลดพื้นที่เพาะปลูกลง เช่น ผลผลิตข้าวขณะนี้มีปริมาณลดลงประมาณ 10% ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดวิกฤติอาหารโลกรอบใหม่ได้
"รัฐบาลของประเทศต่างๆ ต้องกำหนดนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่กระทบส่วนอื่นๆ เพราะข้อมูลของสหประชาชาติ(ยูเอ็น) บ่งชี้ว่างบประมาณในการสนับสนุนการเกษตรของประเทศต่างๆ ลดลง และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลควรช่วยเหลือเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ส่วนการแทรกแซงราคาเชื่อว่า มีความจำเป็นต้องทำในช่วงต้นฤดูกาลผลิต ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก แต่ระยะยาวควรเน้นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ในพืชสำคัญๆ เช่น ที่ไทยทำสำเร็จในมันสำปะหลัง จนทำให้มีผลผลิตต่อไร่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก" นายศุภชัย กล่าว
สำหรับนโยบายด้านการเกษตรของประเทศไทยนับเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะมีนโยบายปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรอย่างชัดเจน กำหนดเป็นนโยบายระดับชาติที่ไม่ว่ารัฐบาลใดเข้ามาก็ต้องให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรม
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกขณะนี้ ทุกประเทศกำลังมุ่งแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งยูเอ็นกำลังวิเคราะห์ว่ามาตรการใดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งการลดภาษี การอุดหนุนสินค้าเกษตร การกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ รวมถึงการกู้เงินจากต่างประเทศ ส่วนกรณีที่ไทยจะกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นยังมีโอกาสกู้ได้ เพราะสัดส่วนหนี้ไม่สูง และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเอเชียน่าจะฟื้นตัวได้ภายในครึ่งหลังของปี 52 เพราะเอเชียมีเม็ดเงินเป็นจำนวนมาก มีทุนสำรองสูงถึง 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง 70% ของเม็ดเงินดังกล่าวเข้าไปลงทุนในภูมิภาคอื่น
"เมื่อเงินไหลกลับเข้ามาเศรษฐกิจเอเชียก็จะฟื้นได้เร็วกว่าสหรัฐ ดังนั้นประเทศในเอเชียจึงควรร่วมมือกันดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ ไม่ใช่ลดค่าเงินเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันทางการค้า เพราะจะไม่มีใครได้ประโยชน์" นายศุภชัย กล่าว