(เพิ่มเติม) รมว.คลัง เตรียมชุดมาตรการภาษีเสนอ ครม./ไม่แตะภาษีเงินได้นิติบุคคล-VAT

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 15, 2009 18:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ก.คลังเตรียมนำเสนอมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นมาตรการสมทบต่อเนื่องจากการจัดทำงบกลางปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.167 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งมาตรการภาษีที่จะนำเสนอ ได้แก่ มาตรการภาษีภาคอสังหาริมทรัพย์ เบื้องต้นจะให้เงินต้นมาหักลดหย่อนภาษี ไม่ใช่เพิ่มหักค่าลดหย่อนจากดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านเหมือนที่เคยทำมา

"งบกลางปี 1.167 แสนล้านบาท หากเบิกจ่ายได้จริงจะช่วยให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มอีก 1%" นายกรณ์ กล่าวในหัวข้อ"นโยบายการคลังในภาวะเศรษฐกิจถดถอย"ในงาน Post Forum 2009

มาตรการดังกล่าวจะมีผลต่อการซื้อบ้านในทุกระดับราคา แต่จำกัดสิทธิเฉพาะผู้ซื้อบ้านในปี 52 เพื่อต้องการเกิดธุรกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านและมีความพร้อมทางการเงินได้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น หวังผลในการเพิ่มการก่อสร้าง และส่งผลต่อการจ้างแรงงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้ มาตรการภาษีดังกล่าวมีผลกระทบต่อรายได้ภาครัฐไม่มากเกินไป

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่เป็นการปรับลดอัตราภาษี ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็๋นประโยชน์ในทุกภาคส่วน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลจะสูญเสียรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

"ภาษีทุก 1 หมื่นล้านบาทที่ส่งถึงประชาชนจะช่วยดันจีดีพีโต 0.6%" นายกรณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันจะเห็นด้วยกับแนวทางการปรับลดรายได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 25% แต่จังหวะเวลาในขณะนี้ยังไม่เหมาะสม เนื่องจากมองว่าแม้จะปรับภาษีเงินได้นิติบุคคลในขณะนี้จะยังไม่มีผลให้นักลงทุนเกิดการลงทุนมากขึ้น แต่กลับทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปีโดยเปล่าประโยชน์

ทั้งนี้ รวมไปถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม( VAT)ที่ยังไม่มีแนวคิดลดลงในช่วงนี้เช่นกัน เนื่องจากไม่มั่นใจว่า การลดภาษี VATจะทำให้ราคาสินค้าลดลง และจะทำให้ประชาขนเพิ่มการใช้จ่ายหรือไม่

รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านช่องทางการปล่อยสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินของรัฐจำนวน 3 แสนล้านบาทจะช่วยดันจีดีพีเพิ่มอีก 0.2%, การเร่งรับการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการ 1.84 ล้านล้านบาท งบของรัฐวิสาหกิจ 3.08 แสนล้านบาท และงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีก 3.66 แสนล้านบาท

"วงเงินงบประมาณที่เร่งรัดเบิกจ่ายทุก 2.5 หมื่นล้านบาทจะช่วยดันจีดีพีให้โต 0.1%" นายกรณ์ กล่าว

เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็คต์ 1.7 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการขนส่งสาธารณะ โครงการแหล่งน้ำ หากเร่งรัดการเลิกจ่ายได้ทุก 2.54 หมื่นล้านบาทจะช่วยทำให้จีดีพีโตได้อีก 0.1%

ส่วนการดำเนินงานด้านโครงการเมกะโปรเจ็คต์นั้น คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจเห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามดูแลการดำเนินโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีงบลงทุนสูงและมีความเสี่ยงที่จะเกิดความล่าช้ามากกว่าโครงการอื่นๆ

รมว.คลัง เชื่อว่า มาตรการที่รัฐบาลออกมาทั้ง 5 ด้านจะครอบคลุมประชาชนในทุกภาคส่วน

ในปีงบประมาณ 52 รัฐบาลได้กำหนดมีเพดานการกู้เงินสูงสุดจำนวน 621,446 ล้านบาท ซึ่งจะมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 42% แยกเป็น การชดเชยการขาดดุล 437,940 ล้านบาท, เงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 183,500 ล้านบาท

แต่วงเงินที่รัฐบาลมีแผนกู้แล้วมีจำนวน 527,990 ล้านบาท แยกเป็นการชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 249,500 ล้านบาท, เงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 29,750 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 132,000 ล้านบาท และมีงบกลางปีเพิ่มเข้ามา 116,700 ล้านบาท ทำให้เหลือวงเงินที่สามารถกู้ได้อีก 93,450 ล้านบาทภายใต้เพดานกู้เงินดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ