นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 ม.ค.นี้ กระทรวงคลังจะเสนอมาตรการภาษี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อคณะรัฐมนตรี โดยเป็นเน้นไปที่ธุรกิจท่องเที่ยว, อสังหาริมทรัพย์, ภาคการเงิน, ภาคการส่งออก และเอสเอ็มอี ที่จะมีมาตรการหลายด้านมาประกอบกัน
โดยกรณีการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งนอกจากที่ให้นำดอกเบี้ยซื้อบ้านมาคำนวนไม่เกิน 1 แสนบาทแล้วยังจะให้นำเงินต้นมานับรวมในการหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย แต่ตัวเลขท้ายสุดจะหักลดหย่อนได้มากน้อยเพียงใดคงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี
"คงจะมีส่วนเพิ่มให้เรื่องเงินต้น เพราะดอกเบี้ย 1 แสนเป็นส่วนที่ให้อยู่แล้ว แต่ที่เราเสนอไปคือสำหรับเงินต้นได้ต่างหากอีก 2 แสน...ใครก็ตามที่ซื้อบ้านหลังจากที่มติ ครม.ออกมาแล้วก็ได้รับสิทธิหมดทุกคน" นายสมชัย ระบุ
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจะเสนอของบประมาณราวหมื่นล้านบาทเพื่อเพิ่มทุนให้กับ 3 สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้งธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM Bank), ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เพื่อให้ทำหน้าที่ปล่อย Soft Loan และค้ำประกันสินเชื่อในรูปแบบต่างๆ
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) จะมีการประชุมระดมความเห็นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยประเด็นหลักที่จะหารือคือเรื่องภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่, ค่าธรรมเนียมการขึ้นลงอากาศยาน(Landing Fee), ค่าธรรมเนียมวีซ่า รวมถึงการใช้งบประมาณเพื่อการอุดหนุนให้ต้นทุนการท่องเที่ยวในประเทศไทยถูกลง
สำหรับการปรับลดอัตราภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ให้กับธุรกิจโรงแรมนั้น อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรัฐบาลไม่มีอำนาจสั่งการโดยตรง แต่อาจทำได้โดยการขอความร่วมมือซึ่งเป็นนโยบายผ่านลงไปทางกระทรวงมหาดไทย
นายสมชัย ยอมรับว่า การปรับลดภาษีดังกล่าวมีผลทำให้รายได้ขององค์กรปกครองในท้องถิ่นนั้นๆ อาจต้องลดลงบ้าง แต่เชื่อว่าในทางกลับกันจะเพิ่มแรงจูงใจให้คนไปท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะมีต้นทุนการท่องเที่ยวที่ถูกลง อย่างไรก็ดี รัฐบาลคงไม่จัดงบประมาณลงไปช่วยชดเชยให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะต้องสูญเสียรายได้จากการปรับลดอัตราภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ลง เพราะขณะนี้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณในจำนวนมากแล้ว
"เราเคยทำในอดีต แต่ช่วงนี้คงลำบาก เพราะรายได้รัฐบาลต่ำกว่าเป้ามากแสนกว่าล้าน ก็คงต้องช่วย ๆ กัน เราหวังว่าถ้ารายได้ลดลง แต่มีคนไปเที่ยวในท้องถิ่นเขา ก็เป็นการเพิ่มรายได้ในท้องถิ่นเขาเพิ่มเติม" นายสมชัย ระบุ