โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 68.73 จุด หรือ 0.84% แตะที่ 8,281.22 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 6.38 จุด หรือ 0.76% แตะที่ 850.12 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 17.49 จุด หรือ 1.16% แตะที่ 1,529.33 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบเดือนก.พ.ที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 3.14 % ปิดที่ 36.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2552 ลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน เหลือวันละ 85.3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์พลังงานลงเช่นกัน โดยโอเปคคาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันในปีนีจะลดลงวันละ 180,000 บาร์เรล และอีไอเอ ในสังกัดกระทรวงพลังงานของสหรัฐ ระบุว่า ดีมานด์น้ำมันดิบอาจจะลดลงมากกว่านั้นมาก ที่ระดับ 800,000 บาร์เรลต่อวัน
--สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ม.ค.) ภายหลังรัฐบาลสหรัฐอนุมัติเงินสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับแบงก์ ออฟ อเมริกา และจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปฏิเสธการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าธนาคารอาจลดดอกเบี้ยเหลือ 0%
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3300 ดอลลาร์/ยูโร ในการซื้อขายช่วงท้ายก่อนปิดตลาด จากระดับ 1.3163 ดอลลาร์/ยูโร เมื่อวันพฤหัสบดี และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4746 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4659 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.58 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 89.68 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1160 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1220 ฟรังค์/ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้น 32.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 839.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ม.ค.) เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปิดบวกครั้งแรกในรอบ 8 วัน เนื่องจากราคาโลหะที่สูงขึ้นหนุนหุ้นบริษัทเหมือง และนักลงทุนได้รับแรงดึงดูดจากราคาหุ้นที่ตกลงจากแรงเทขายยาวนานหลายวัน โดยดัชนี FTSE 100 ไต่ขึ้น 25.95 จุด หรือ 0.6% ปิดที่ 4,147.06 จุด