น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 52 จะขยายตัวที่ระดับ 1.3% ภายใต้สมมุติฐานว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำกว่า 1% และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน มี.ค.52 โดยในไตรมาสแรกของปีนี้จะมีอัตราการเติบโตติดลบ ส่วนในไตรมาสที่ 2 ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะมีอัตราเติบโตติดลบได้
หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ม.ค.ไปแล้ว 0.75% ในเดือน ก.พ.52 มีโอกาสที่จะปรับลดลงอีก 0.50% และในไตรมาส 2/52 จะมีโอกาสปรับลดลงอีก 2 ครั้งๆ ละ 0.25% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งปีมีโอกาสต่ำกว่า 1% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 40 ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 1.25%
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่จะได้เห็นปรากฏการณ์ที่ไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดชั่วคราว โดยอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 1/52 จะเริ่มติดลบ และติดลบต่อเนื่องอย่างน้อย 4 เดือน และจะลงลึกไปอีกในช่วงไตรมาส 2/52 เนื่องจากฐานอัตราเงินเฟ้อ(CPI)ในช่วงเดียวปีก่อนมาจากปัจจัยสำคัญคือราคาน้ำมันที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.16 ล้านบาท ยังต้องใช้ระยะเวลาที่จะให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างเร็วที่สุดราวเดือน มี.ค.52