นสพ.ลอสแองเจลิส ไทม์สรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน แต่จะยังเผชิญอุปสรรคต่อเนื่องไปอีกนานหลายปี แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลจะทุ่มเทความพยายามในการกอบกู้วิกฤตอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม
รายงานของนสพ.ดังกล่าวระบุว่า "ความเสียหายที่มีต้นตอจากราคาบ้านและมูลค่าหุ้นที่ตกต่ำลง ประกอบกับความล่มสลายของภาคอุตสาหกรรมสำคัญที่ครั้งหนึ่งเคยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งนั้นเป็นตัวการที่ทำให้เศรษฐกิจในประเทศซบเซา"
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า มาตรการต่างๆยังไม่มีพลังมากพอที่จะช่วยทำให้เศรษฐกิจกลับมาคึกคักได้เหมือนในยุคก่อนๆพร้อมทั้งคาดว่า เศรษฐกิจในยุคสมัยของนายบารัค โอบามาจะขยายตัวได้มากสุดเพียง 2%
ขณะเดียวกัน สตีเฟ่น เอส โรช ประธานของมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชียมองว่า "เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อัตราว่างงานจะเลวร้ายยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันโดยประมาณการณ์ว่าจะมีคนตกงานถึง 1.5 ล้านคน
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังอ้างถึงอัตราการบริโภคของสหรัฐที่ชะลอตัวลงซึ่งเป็นผลจากการที่ประชาชนต้องรัดเข็มขัดและปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายในสหรัฐ