สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารของอังกฤษส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายเงินปอนด์อย่างหนัก ขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากสุนทรพจน์ของบารัค โอบามา ที่สร้างความหวังให้กับนักลงทุน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2879 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3110 ดอลลาร์/ยูโร (เหตุที่ต้องเปรียบเทียบกับระดับของวันศุกร์เพราะวันจันทร์ที่ 19 ม.ค.ตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติ ลูเธอร์ คิง) และเงินปอนด์ทรุดตัวลงแตะระดับ 1.3915 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4458 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.750 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 90.670 เยน/ดอลลาร์ แต่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1483 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1327 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.5200 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5433 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.6480 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6700 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
อาร์ชาฟ ไลดี หัวหน้านักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากบรรยากาศในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 44 ของบารัค โอบามา ในวันอังคารที่ 20 ม.ค.ท่ามกลางประชาชนผู้มาร่วมเป็นสักขีพยานกว่าล้านคน โดยโอบามาได้ให้ความหวังและกระตุ้นประชาชนให้ดำเนินชีวิตด้วยความหวัง แต่ในวาระนี้โอบามาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนเศรษฐกิจ
ในระหว่างการทำพิธี โอบามากล่าวปฏิญานตนว่า "ข้าพเจ้าจะทำหน้าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาด้วยความซื่อสัตย์ จะปกปักษ์ รักษา และพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา" และหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนแล้ว โอบามากล่าวสุนทรพจน์ว่า "จริงอยู่ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังเป็นไปได้ยากในขณะนี้ แต่ผมหนุนใจให้ชาวอเมริกันเลือกที่จะมีความหวังเหนือความหวาดกลัว เลือกที่จะมีเป้าหมายเดียวกันเหนือความขัดแย้ง ความพร้อมใจกันเช่นนี้จะพาพวกเราฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไปได้"
ค่าเงินปอนด์ทรุดตัวลงหลังจากรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) คาดว่าธนาคารจะขาดทุนปี 2551 สูงถึง 4.13 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับภาคเอกชนในอังกฤษ ขณะที่รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่าจะเพิ่มการถือครองหุ้นใน RBS ถึง 70%
รัฐบาลอังกฤษทำการสว็อปหุ้นบุริมสิทธิ์ 5 พันล้านปอนด์กับหุ้นสามัญของ RBS ซึ่งทำให้จำนวนหุ้นของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็น 70% โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามการเรียกร้องของ RBS เพื่อยุติการจ่ายดอกเบี้ยรายปีราว 600 ล้านปอนด์ แต่นายแดนนี กาเบย์ อดีตนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาลในขณะนี้ก็คือการยึดทรัพย์สมบัติเป็นของชาติอย่างช้าๆ และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปปรับลดคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในยุโรปปี 2552 โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลง 1.9% เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 0.1%