เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยว่า ธนาคารกลางจะเริ่มเข้าซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์อังกฤษที่ประสบปัญหาภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ เพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ หลังจาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 315 ปี ไม่สามารถยับยั้งภาวะถดถอยได้
คิงกล่าวในที่ประชุมที่เมืองน็อตติงแฮมในวันนี้ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงหุ้นกู้เอกชน (corporate bond) และ ตราสารหนี้เพื่อการพาณิชย์ เพื่อกระตุ้นการกู้ยืมให้กับภาคเอกชนและผู้บริโภค หลังจากธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงินโลก และหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 315 ปีที่ระดับ 1.5% ไม่มีแนวโน้มว่าจะยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ได้
ทั้งนี้ คิงได้สนับสนุนการตัดสินใจของกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ให้สิทธิอำนาจแก่ธนาคารกลางอังกฤษในการเข้าซื้อหลักทรัพย์มูลค่า 5 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์ และวางแผนที่จะเพิ่มการถือครองหุ้นในธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ เป็น 6 พันล้านปอนด์ อีกทั้งเข้าซื้อหุ้นอีกหลายพันล้านปอนด์ในสถาบันการเงินที่ถูกกระทบจากภาวะผันผวนในตลาด
บราวน์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นอัตราการกู้ยืมและทำให้ทางการอังกฤษเข้าถือครองหุ้นในสถาบันการเงินอย่างถูกกฎหมาย ผมยืนยันว่าการดำเนินการเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและภาคเอกชน ที่ผ่านมาผมไม่พอใจที่สถาบันการเงินที่มีส่วนทำให้เกิดภาวะตึงตัวด้านการกู้ยืม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจอังกฤษถดถอยลงรุนแรงสุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2"
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่สองของอังกฤษถือเป็นการสานต่อจากมาตรการฉบับแรกที่ประกาศใช้เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งครอบคลุมถึงการอัดฉีดเงินทุน 5 หมื่นล้านปอนด์ให้กับธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ และขยายวงเงินกู้ 2.50 แสนล้านปอนด์ให้กับธนาคารพาณิชย์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน