ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากบรรยากาศในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของบารัค โอบามา ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารและผลกระทบที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ซึ่งความกังวลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงินอย่างหนัก
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 332.13 จุด หรือ 4.01% ปิดที่ 7,949.09 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 44.90 จุด หรือ 5.28% แตะที่ 805.22 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 88.47 จุด หรือ 5.78% แตะที่ 1,440.86 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 6.11% ปิดที่ 38.74 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาเพื่อชดเชยการทำช็อตเซลล์ ก่อนที่สัญญาเดือนก.พ.จะครบกำหนดส่งมอบในวันอังคาร ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารของอังกฤษส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายเงินปอนด์อย่างหนัก ขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากสุนทรพจน์ของบารัค โอบามา ที่สร้างความหวังให้กับนักลงทุน
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างคับคั่งเพราะมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เกิดวิกฤตการณ์กับภาคการธนาคารทั่วโลก นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสัญญาน้ำมันดิบเดือนก.พ.ที่ทะยานขึ้นก่อนครบกำหนดส่งมอบในวันอังคาร
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคารจนดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าอาจมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่ถูกรัฐบาลอังกฤษรวบมาเป็นกิจการของรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 17.07 จุด สู่ 4,091.40 จุด