ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดฉากการประชุมวันนี้ เพื่อพิจารณาเรื่องมาตรการสนับสนุนระบบการเงินของบริษัทเอกชน เนื่องจากบริษัทจำนวนมากมีปัญหาในการระดมทุนเพื่อการดำเนินงาน ท่ามกลางภาวะผันผวนของตลาดสินเชื่อทั่วโลก ก่อนที่จะถึงช่วงสิ้นปีงบประมาณการเงิน 2551
ในการประชุมเป็นเวลา 2 วันนั้น มีการคาดการณ์ว่า แบงค์ชาติญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.1% หลังจากที่ลดดอกเบี้ยไปเมื่อเดือนที่แล้วจากระดับอัตราดอกเบี้ยที่ 0.3% แต่สภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะกดดันให้แบงค์ชาติญี่ปุ่นใช้นโยบายผ่อนปรนด้านสินเชื่อเพิ่มเติม
โดยนโยบายใหม่ๆที่แบงค์ชาติญี่ปุ่นอาจจะนำมาใช้ ได้แก่ การซื้อตราสารหนี้ หรือตราสารระยะสั้นที่ออกโดยบริษัทเอกชน จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในแวดวงการเงินว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะประกาศเรื่องการซื้อตราสารหนี้มูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์จากสถาบันการเงิน และสนับสนุนให้มีการปล่อยกู้แก่บริษัทที่มีปัญหาด้านการเงิน
ก่อนหน้านี้ นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่า ธนาคารระมัดระวังเรื่องการรับมือกับความเสี่ยงด้านสินเชื่อด้วยการรับซื้อตราสารหนี้เอกชน โดยเมื่อเร็วๆนี้ธนาคารกลางได้เข้าซื้อตราสารหนี้เชิงพาณิชย์จากสถาบันการเงิน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า สถาบันการเงินเหล่านี้จะต้องซื้อคืนตราสารหนี้กลับไปด้วยเช่นกัน
แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปัจจุบันซึ่งอาจจะขยายตัวติดลบในปีงบประมาณการเงินหน้านี้ กำลังบีบให้แบงค์ชาติญี่ปุ่นต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว ดังนั้น การซื้อตราสารหนี้อาจจะเป็นมาตรการชั่วคราวที่ธนาคารจะบังคับใช้ในเดือนเม.ย.นี้