อินเตอร์เนชั่นเนล บิสิเนส แมชชีน คอร์ป (ไอบีเอ็ม) ยักษ์ใหญ่คอมพิวเตอร์ของสหรัฐคาดว่า ผลกำไรของบริษัทตลอดทั้งปีนี้จะพุ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สวนกระแสเศรษฐกิจซบเซาที่สกัดกั้นการขยายตัวของบริษัทหลายแห่ง
หุ้นไอบีเอ็มพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 5.3% หลังจากบริษัทประกาศว่า บริษัทอาจมีรายได้สุทธิที่พุ่งขึ้นเป็น 9.20 ดอลลาร์/หุ้นในปี 2552 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 8.75 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ ผลกำไรไตรมาส 4 ก็สูงกว่าที่คาดการณ์เช่นกัน จากอานิสงส์ของต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจที่ลดลง 3.1%
รายได้ของไอบีเอ็มพุ่งขึ้นแข็งแกร่งแม้ว่ายอดขายผลิตภัณฑ์จะปรับตัวลดลง โดยไอบีเอ็มใช้กลยุทธ์ที่มุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ทำกำไรได้มากกว่าธุรกิจอื่นๆ เช่น ซอฟท์แวร์ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถยืนหยัดและรอดพ้นจากอุปสรรคด้านเศรษฐกิจที่เลวร้ายถึงขีดสุดมาได้
คาร์ล คลอนช์ นักวิเคราะห์จากการ์ทเนอร์ อิงค์กล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "ไอบีเอ็มสบโอกาสใช้ช่วงเวลาที่ตลาดไอทีซบเซาเช่นนี้เป็นช่องทางปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทชิงลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บเกี่ยวผลกำไรได้เหนือคู่แข่งรายอื่นๆ"
มาร์ก ลอฟริดจ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของไอบีเอ็มกล่าวว่า ในไตรมาสที่แล้วบริษัทมีตัวเลขค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายทั่วไปที่ลดลงสู่ระดับ 5.83 พันล้านดอลลาร์ โดยค่าใช้จ่ายที่ลดลงนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการจ้างพนักงานชั่วคราวมากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้สุทธิที่พุ่งขึ้น 12% แตะที่ 4.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.28 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.95 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.80 ดอลลาร์/หุ้นในปีก่อน ส่วนยอดขายลดลง 6.4% ไปอยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.82 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้จากผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์พุ่งขึ้น 2.6% แตะที่ 6.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไอบีเอ็มใช้เงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อกิจการซอฟท์แวร์ของบริษัทอื่นๆเพื่อหวังยกระดับธุรกิจดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจซอฟท์แวร์เป็นกลุ่มที่ทำกำไรให้กับบริษัทได้มากที่สุด ขณะที่ยอดขายบริการด้านคอมพิวเตอร์ลดลง 4% แตะที่ 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์