ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาปีนี้จะร่วงลงถึง 1.80 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 31% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกทำให้บริษัทข้ามชาติลดค่าใช้จ่ายในโรงงานและเหมืองต่างๆลง
มันซัวร์ ไดลามี ผู้จัดการฝ่ายไฟแนนซ์ และอดีตเจ้าหน้าที่ของธนาคารโลก กล่าวว่า การลงทุนที่ลดลงจะสร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินในตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ แม้ว่าการขายสินทรัพย์ของผู้จัดการกองทุนต่างๆจะชะลอตัวลง เงินวอนเกาหลีใต้ที่แข็งค่า เงินเรียลบราซิล และซโลตีของโปแลนด์ผันผวนมาตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัท ริโอ ทินโต และฮอนด้า มอเตอร์ ได้ระงับแผนการขยายธุรกิจในประเทศดังกล่าวออกไป
ไดลามี กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นปฏิกริยาที่รุนแรงที่สุดจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยในระดับโรงงานจนถึงขณะนี้ สกุลเงินในตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอยู่แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก ตลาดหุ้นและการลงทุนในหุ้นเป็นประเด็นสำคัญของปีที่แล้ว แต่ปีนี้จะเป็นเรื่องของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
บลูมเบิร์กรายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์ ประเมินว่า เมื่อปีที่แล้ว ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาตกลงไปประมาณ 10% และจะชะลอตัวลงอีกในปีนี้ FDI ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายในโรงงานและเครื่องจักร หรือการซื้อข้อตกลงว่าด้วยการซื้อหุ้น (controlling interest) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 38% ของกระแสเงินไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนของกองทุนต่างๆที่ระดับ 10% และการปล่อยเงินกู้ 54%
ดัชนีบลูมเบิร์ก-เจพีมอร์แกน ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของสกุลเงินต่างๆในเอเชีย ละติน อเมริกา และยุโรปตะวัรออกในปีที่แล้วอ่อนตัวลง 5.9%, 19% และ 11% ตามลำดับ และปรับตัวลงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนเงินวอนอ่อนค่าลง 8.8% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในปีนี้ ส่วนเงินเรียลอ่อนตัวลง 2.6% และเงินสโลตีตกลง 12%
ริโอ ทินโต บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ได้เลื่อนการขยายเหมืองสินแร่เหล็กในบราซิลมูลค่า 2.15 พันล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ออกไป ส่วนฮอนด้า ก็ชะลอการสร้างโรงงานที่อาร์เจนติน่า และเลื่อนการขยายโรงงานในตุรกีและอินเดีย ขณะที่ฮิตาชิ คอนสตรัคชั่น แมชีนเนอรี ก็ระงับแผนการขยายขอบเขตการผลิตในจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ