นายฮัว เออร์เฉิง หัวหน้านักวิเคราะห์จากธนาคารไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน กล่าวว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐผิดพลาดอย่างแรงที่ระบุว่าจีนกำลังปั่นค่าเงินหยวน เพราะยังไม่พบว่ามีปัจจัยใดๆที่จะทำให้ค่าเงินหยวนแข็งแกร่งขึ้นได้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าของจีนทรุดตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และปริมาณการไหลเข้าของสกุลเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ความต้องการสกุลเงินเยนภายในประเทศลดลงด้วย
"เมื่อพิจารณาจากภาวะแวดล้มแล้ว ยังไม่มีปัจจัยใดที่จะทำให้เงินหยวนแข็งค่าได้ และเงินหยวนยังคงอยู่ในภาวะที่อ่อนค่าลงเนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา" เออร์เฉิงกล่าว
ไกธ์เนอร์แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีความเชื่อว่าจีนกำลังปั่นค่าเงิน ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน อีกทั้งยืนยันว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีโอบามาจะกดดันจีนให้ใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แทนการปั่นค่าเงินเพื่อกระตุ้นการส่งออก
"ท่านประธานาธิบดีโอบามาและนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่าจีนปั่นค่าเงินหยวนเพื่อหวังผลด้านการส่งออก คำถามก็คือว่าเราจะทำอย่างไรและเมื่อใดที่จะยับยั้งการกระทำของจีนด้วยวิธีแบบสันติ มากกว่าการกดดัน คณะทำงานของโอบามาจะใช้ยุทธศาสตร์ทั้งหมดที่มีอยู่ในมือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจของเรา" ไกธ์เนอร์กล่าว และระบุว่านโยบายดอลลาร์แข็งแกร่งเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ เออร์เฉิงกล่าวว่า "ผมรู้สึกผิดหวังและประหลาดใจต่อการแสดงความคิดเห็นของไกธ์เนอร์ที่กล่าวหาว่าจีนกำลังปั่นค่าเงิน สิ่งที่เรากังวลก็คือค่านิยมการปกป้องการค้าของตนเองที่กำลังทวีความรุนแรงในสหรัฐต่างหาก"
ขณะที่นายคา ชุง ลอว์ นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 5 ของจีน กล่าวว่า "เศรษฐกิจจีนเริ่มถดถอยแล้ว ซึ่งทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลง เราคาดว่าธนาคารกลางจีนจะไม่เข้าแทรกแซงและจะปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงอีกกว่า 5% ในปีนี้" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน