ปธ.ฝ่ายการเงินไมโครซอฟท์คาดยอดขายซอฟท์แวร์ขยายตัวช้าจากภาวะศก.ซบเซา

คริส ลิดเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของไมโครซอฟท์คาดการณ์ว่า ตลาดด้านเทคโนโลยีจะขยายตัวได้ช้า จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้น

ลิดเดลล์กล่าวว่า "เราไม่มีแผนการใดๆ นอกจากตั้งตารอ และหวังเพียงว่าสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น เพราะความเป็นจริงแล้วภาวะเช่นนี้ส่งผลกระทบถึงกันหมด ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนต่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่"

ขณะเดียวกันสตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์กล่าวว่า "ยอดขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะไม่ดีดตัวขึ้นมามากนัก แต่จะปรับตัวลดลงตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากกว่า"

ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ อิงค์ เผยว่า ยอดส่งออกคอมพิวเตอร์พีซีขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปีในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 ขณะที่ตลาดพีซีของไมโครซอฟท์ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณนี้ที่สิ้นสุด ณ เดือนมิ.ย. ก็อาจเติบโตช้าสุดเช่นกัน หรือไม่ก็อาจจะย่ำแย่กว่านั้น

ด้านนักวิเคราะห์จากยูบีเอส เอจี ในนิวยอร์กกล่าวว่า นอกจากไมโครซอฟท์แล้ว บรรดาผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีรายอื่นๆ อาทิ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด และเดลล์ มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และสองบริษัทนี้จะรายงานผลประกอบการในเดือนหน้าที่อาจลดลงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

โดยเมื่อวานนี้ ไมโครซอฟท์ได้ประกาศแผนโละพนักงาน 5,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่สุดของบริษัท จากผลกระทบของภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นยาวนานและไม่สามารถคาดเดาได้ โดยรายได้สุทธิของบริษัทลดลง 11% แตะที่ 4.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 47 เซนต์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่บริษัทคาดว่าจะทำกำไรได้ 53 เซนต์/หุ้น แม้ว่าบริษัทจะทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 1.6% แตะที่ 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกันหุ้นของไมโครซอฟท์ในตลาดหุ้น Nasdaq ดิ่งลง 12% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2543

ทั้งนี้ อนาคตการดำเนินธุรกิจของไมโครซอฟท์ส่งผลกระทบต่อมุมมองของนักลงทุนที่ต้องเตรียมรับมือกับความเลวร้ายที่ยาวนานมากขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งนี้แตกต่างจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเมื่อปี 2544 ที่ได้ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก และสร้างความเสียหายต่อทุกภาคธุรกิจ ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อครั้งก่อนนั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจไอทีเป็นส่วนใหญ่