บริษัทเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 ของปี 2551 ดิ่งลง 46% พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า บริษัทจะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากขั้นรุนแรงในปีนี้ ท่ามกลางวิกฤตการเงิน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า จีอี บริษัทรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมีตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดที่ระดับ 3.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 35 เซนต์/หุ้น ซึ่งลดลงจากระดับ 6.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 66 เซนต์/หุ้นเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกันนี้ บริษัทยังคาดว่าจะเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในปี 2552 โดยเฉพาะจีอี แคปิตอล ซึ่งเป็นธุรกิจปล่อยกู้ของจีอีที่มีผลกำไรลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งกดดันให้ภาคเอกชนและผู้บริโภคชะลอการกู้ยืมเงิน และทำให้บริษัทมียอดหนี้ค้างชำระมากขึ้น ทั้งๆที่ในอดีตธุรกิจนี้สร้างกำไรให้กับบริษัทมาโดยตลอด
เจฟฟ์ อิมเมลต์ ซีอีโอของจีอีกล่าวว่า บริษัทถูกสถานการณ์ที่ยากลำบากรุมเร้า และจากการประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายในปีนี้ทำให้บริษัทต้องตั้งรับกับปัญหาดังกล่าวด้วยการให้จีอี แคปิตอลลดการพึ่งพารายได้จากการออกเงินกู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งคาดว่าบริษัทจะมีตัวเลขขาดทุนมากกว่าที่คาดการณ์ในเบื้องต้นถึง 1 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทอาจต้องคอยประคับประคองการขยายตัวของธุรกิจอื่นๆให้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยน้อยที่สุด
ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจะยืนยันถึงแผนการจ่ายเงินปันผลที่ 1.24 ดอลลาร์และย้ำว่าบริษัทมีความสามารถในการรักษาอันดับความน่าเชื่อถือที่ "AAA" ไว้ได้ แต่หุ้นของจีอีที่ซื้อขายกันในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมากลับดำดิ่งลงกว่า 5% ในการซื้อขายระหว่างวัน