นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Fund Rate) ไว้ที่ช่วง 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมวันที่ 27-28 ม.ค.นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในภาวะถดถอย และคาดว่าเฟดจะหารือกันเรื่องแนวทางอื่นๆในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
บิล เชนีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากจอห์น แฮนค็อก ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กล่าวว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด และคณะกรรมการกำหนดนโยบายคนอื่นๆของเฟดกำลังเผชิญกับความท้าทายในเรื่องการยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในสหรัฐ รวมทั้งวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงิน
เฟดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มต้นศักราชปี 2552 ถดถอยลงอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้ชาวอเมริกันวิตกกังวล อีกทั้งฉุดยอดค้าปลีกร่วงลงและบีบให้ภาคอุตสาหกรรมปรับลดกำลังการผลิตถ้วนหน้า ทั้งนี้ เฟดคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะซบเซาต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากตัวเลขจ้างงานประจำเดือนธ.ค.ปี 2551 ที่ร่วงลง 524,000 ตำแหน่ง ทำให้ตัวเลขว่างงานโดยรวมตลอดปี 2551 พุ่งขึ้นเป็น 2.6 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี"
"ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนักในแทบทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า คริสต์มาส และปีใหม่ โดยยอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือนธ.ค.2551 ดิ่งลง 2.7% ทำสถิติร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และทำให้ยอดค้าปลีกโดยรวมตลอดปีลดลง 0.1% สวนทางกับที่พุ่งขึ้น 4.1% ในปี 2550 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขค้าปลีกรายปีลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2535" เฟดกล่าว
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทำให้คณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของบารัค โอบามา วางแผนยกระดับระบบควบคุมภาคการเงินการธนาคารภายในประเทศ โดยมีทั้งการใช้มาตรการคุมเข้มกับกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ บริษัทจัดอันดับเครดิต และโบรกเกอร์สินเชื่อที่อยู่อาศัย อีกทั้งมีการตรวจสอบเครื่องมือทางการเงิน นอกจากนี้ โอบามายังผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 8.25 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษี สำนักข่าวเอพีรายงาน