World Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินนิวยอร์ก

ข่าวต่างประเทศ Monday January 26, 2009 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ม.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน

ทั้งนี้ ดาวโจนส์ปิดลดลง 45.24 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 8,077.56 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 4.45 จุด หรือ 0.54% แตะที่ 831.95 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 11.80 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 1,477.29 จุด

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าเทรดในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะปรับลดกำลังการผลิตลงอีก

สัญญาน้ำมันดิบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือกว่า 6% ปิดที่ 46.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 41.40 ดอลลาร์/บาร์เรล

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 23 ปีเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ม.ค.) จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอังกฤษที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งวัดได้จากภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 4 ที่หดตัวหนักสุดในรอบ 29 ปี

ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1559 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1544 ฟรังค์/ดอลลาร์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.830 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.790 เยน/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.3798 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.3858 ดอลลาร์/ปอนด์ และยูโรเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2985 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2984ดอลลาร์/ยูโร

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ม.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ปกคลุมด้วยความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยเข้าขั้นรุนแรง หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 4 ที่หดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับขึ้นเพียง 0.24 จุด หรือไม่ถึง 0.1% แตะที่ 4,052.47 จุด หลังจากดิ่งลงอย่างหนัก 2.4% ในช่วงก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งได้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทเอกชนและแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 ม.ค.

บริษัทเทคโนโลยี, พลังงาน และผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภคหลายแห่งเตรียมเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึงบริษัท ยาฮู อิงค์, ซัน ไมโครซิสเต็มส์, เท็กซัส อินสตรูเมนท์ส, พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล, คิมเบอร์ลีย์ คล้าก, สตาร์บั๊ค, เอทีแอนด์ที, เอ็กซอนโมบิล และแคทเทอร์พิลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ