ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการน้ำมันในสหรัฐโดยเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นแตะที่ 1.86 ดอลลาร์/แกลลอน หลังโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งได้ปิดทำการซ่อมบำรุง ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดกำลังการผลิต
ผลสำรวจจากสถานีบริการน้ำมัน 7,000 แห่งที่จัดทำโดยทริลบี้ ลันด์เบิร์กระบุว่า ราคาเชื้อเพลิงรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8 เซนต์หรือ 4.3% ในรอบ 2 สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐยังปรับลดอัตราการผลิตน้ำมันลงเหลือ 83.3% ของกำลังการผลิตในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ม.ค. เมื่อเทียบกับระดับ 86.5% ในปีก่อน
ทริลบี้ ลันด์เบิร์ก กล่าวให้สัมภาษณ์กับทางบลูมเบิร์กว่า "เหตุผลแรกที่ทำให้ราคาก๊าซขยับขึ้นคือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนเหตุผลต่อมาคือ ชาวสหรัฐไม่ได้ลดการใช้น้ำมันเหมือนอย่างที่เคยเป็น"
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันเบนซินล่วงหน้าในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากโอเปคเริ่มลดกำลังการผลิต โดยราคาน้ำมัน NYMEX งวดส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.90 ดอลลาร์ หรือ 9.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะที่ระดับ 46.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านสมาคมยานยนต์ของสหรัฐ (AAA)เปิดเผยว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.845 ดอลลาร์/แกลลอน เพิ่มขึ้น 3.2% จากระดับ 1.792 ดอลลาร์/แกลลอน ในวันที่ 11 ม.ค.
ด้านบริษัท PetroLogistics Ltd เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศโอเปคลดการผลิตลง 5.4% ในเดือนนี้มาอยู่ที่ 26.15 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซินในตลาดนิวยอร์กเพิ่มขึ้น 6.1 เซนต์ หรือ 5.6% ปิดที่ระดับ 1.1544 ดอลลาร์/แกลลอน
ทั้งนี้ โคโนโคฟิลิปส์เปิดเผยเมื่อว่า บริษัทจะปิดหน่วยผลิต fluid catalytic cracker ที่เมืองสวีนีย์ รัฐเท็กซัส รวมถึงมีแผนปิดโรงกลั่น เพื่อซ่อมบำรุงระบบควบคุมมลพิษของเครื่องลดสารพิษในท่อไอเสียที่เมืองบอร์เจอร์ รัฐเท็กซัส
นอกจากนี้ บีพี บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของยุโรปได้ปิดการเดินเครื่องผลิตน้ำมัน 75,000 บาร์เรลต่อวันในเมืองไว้ททิ้ง รัฐอินเดียน่า และยังไม่มีแผนการเปิดโรงกลั่นแต่อย่างใด