สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสอง ซึ่งรวมถึงบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมีเนียม ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดถึง 6.5% แตะ 4.74 ล้านหลัง ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
แม้ยอดขายจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาบ้านยังปรับตัวลดลงในเดือนดังกล่าว โดยราคากลางของบ้านมือสองร่วงลงกว่า 15.3% ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2511 เหลือ 175,400 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับราคาต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546
สำหรับทั้งปี 2551 ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงกว่า 13% จากปีก่อนหน้า เหลือ 4.9 ล้านหลัง ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2540
อย่างไรก็ตาม สมาคมนายหน้าเผยว่ายังมีข่าวดีอยู่บ้าง โดยยอดบ้านที่ยังขายไม่ออกลดลงเกือบ 12% เหลือ 3.7 ล้านหลังเมื่อสิ้นสุดเดือนธ.ค. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2550
หากบริษัทนายหน้าสามารถขายบ้านได้ในอัตราเดียวกับเดือนธ.ค. ยอดบ้านคงค้างจะหมดไปภายใน 9.3 เดือน ลดลงจาก 11.2 เดือนในเดือนพ.ย.
"ยอดขายรายเดือนที่เพิ่มขึ้นและยอดบ้านคงค้างที่ลดลงถือเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่น่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้" ลอวเรนซ์ หยุน นักเศรษฐศาสตร์จากสมาคมนายหน้าฯ กล่าว
นายหยุนกล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐควรยื่นนโยบายลดหย่อนภาษีให้ผู้ซื้อบ้านให้สภาคองเกรสพิจารณาด้วย
"เศรษฐกิจจะไม่ฟื้นตัวหากราคาบ้านยังลดลงเช่นนี้" นายหยุนกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน