ซิตี้กรุ๊ปประกาศยกเลิกการจัดซื้อเครื่องบินเจ็ทลำใหม่ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา กดดันและตั้งคำถามกรณีที่ซิตี้กรุ๊ปนำเงินไปใช้จ่ายในการซื้อเครื่องบินทั้งที่ต้องกู้ยืมเงินจากรัฐบาล
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โพสต์รายงานว่า ซิตี้กรุ๊ปเตรียมซื้อเครื่องบินเจ็ทลำใหม่ รุ่น Dassault Falcon 7X มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ หลังจากขอกู้ยืมเงินจากรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งทันทีที่ทราบข่าว เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้รุดเดินทางไปยังสำนักงานซิตี้กรุ๊ปเพื่อชี้แจงให้ทราบว่า ประธานาธิบดีโอบามาเตือนว่าการที่ซิตี้กรุ๊ปใช้เงินซื้อเครื่องบินในเวลานี้ไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้อง โดยระบุว่าซิตี้กรุ๊ปใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยทั้งที่ต้องขอกู้ยืมเงินจากรัฐบาล ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นของประชาชนผู้เสียภาษี
อย่างไรก็ตาม ซิตี้กรุ๊ปออกแถลงการณ์ตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ซิตี้กรุ๊ปได้สำรองเงินสดเพื่อซื้อเครื่องบินลำใหม่เอาไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2548 ซึ่งในขณะนี้นั้นซิตี้กรุ๊ปไม่มีแผนที่จะขอกู้ยืมเงินจากรัฐบาล และการยกเลิกซื้อเครื่องบินลำดังกล่าวจะทำให้ซิตี้กรุ๊ปถูกปรับเป็นเงินหลายล้านดอลลาร์
กรณีการครอบครองเครื่องบินเจ็ทของสถาบันการเงินและบริษัทได้กลายมาเป็นหัวข้อถกเถียงกันในวงกว้าง เนื่องจากสหรัฐกำลังเผชิญวิกฤตการณ์สินเชื่อจนทำให้บริษัทหลายแห่งต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ผู้บริหารของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง ฟอร์ด มอเตอร์, เจนเนอรัล มอเตอร์ส และไครสเลอร์ แอลแอลซี ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่เดินทางด้วยเครื่องบินขององค์กรเพื่อมาขอกู้เงินจากรัฐบาล
ซิตี้กรุ๊ปรายงานตัวเลขขาดทุน 8.3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2551 ซึ่งเป็นการขาดทุน 5 ไตรมาสติดต่อกัน ท่ามกลางวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกที่รุนแรงและยืดเยื้อยาวนาน นอกจากนี้ ซิตี้กรุ๊ปยังได้ประกาศแยกบริษัทออกเป็น 2 บริษัท ได้แก่ ซิตี้คอร์ป และ ซิตี้ โฮลดิงส์ ส่วนผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2551 นั้น ซิตี้กรุ๊ปขาดทุนสุทธิถึง 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์ สำนักข่าวเอพีรายงาน