นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงข้อเสนอของนักเศรษฐศาสตร์ให้ธปท.รับภาระดอกเบี้ยพันธบัตรที่ออกเพื่อชดเชยให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินแทนกระทรวงการคลังเป็นเวลา 1 ปี เพื่อให้รัฐนำเงินส่วนนี้ไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจว่า หากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายที่กำหนดอย่างชัดเจนให้กระทรวงการคลังรับภาระดอกเบี้ย ขณะที่ ธปท.รับผิดชอบเงินต้น
"ถ้าทำเพื่อให้แบงก์ชาติชำระดอกเบี้ยแทนก็ต้องดูภาพรวมของทั้งหมดว่าการชำระหนี้จะนำเงินจากตรงไหนมา ซึ่งถ้าทำแค่ 1 ปีอาจจะมีอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ถ้าหลายปีก็จะมีรูปแบบหนึ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับบัญชี ธปท.และบัญชีเงินตรา ถ้ามีอะไรก็ช่วยกันคิดได้ แต่ถ้าไปแก้ไขปัญหานี้แล้ว ไปมีปัญหาอีกเรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง"นางธาริษา กล่าว
ทั้งนี้ ธปท.ระบุว่าภาระดอกเบี้ยพันธบัตรที่ออกเพื่อชดเชยให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินแทนกระทรวงการคลังนั้นอยู่ที่ 70,000 ล้านบาทต่อปี
ผู้ว่า ธปท.กล่าวว่า ในกฎหมายยังกำหนดชัดเจนว่าให้ธปท.นำกำไรจากการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศไปจ่ายเงินต้น แต่หลายปีที่ผ่านมา ธปท.จะนำกำไรไปสะสมในทุนสำรองเพื่อเตรียมคืนเงินต้น แต่เมื่อ 2 ปีก่อนเงินบาทแข็งค่า ทำให้แม้ว่าจะมีกำไรจากเงินตราต่างประเทศ แต่เมื่อตีค่ามาเป็นเงินบาทกลับขาดทุน ทำให้ไม่สามารถนำเงินส่วนนี้ไปคืนเงินต้นได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การใช้จ่ายของภาครัฐมีช่องทาง(room)ที่จะใช้จ่ายได้อีก เนื่องจากหนี้สาธารณะต่อจีดีพียังไม่สูง ขณะที่เงื่อนไขอื่น ๆ อย่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังไม่ติดขัด แต่ก็เข้าใจว่ายามนี้รัฐบาลคงต้องการจะนำเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขกฎหมายก็จะเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง เพราะต้องเวลานาน