ฟอร์ด มอเตอร์ โค บริษัทผลิตยานยนต์อันดับ 2 ของสหรัฐ อาจต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ หลังมีแววว่าบริษัทอาจขาดทุนในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยจะมีการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
โดยนักวิเคราะห์จากการสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดกาณณ์ว่า ฟอร์ดอาจขาดทุนราว 3.48 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.34 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 4 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ฟอร์ดจะขาดทุนรวม 1.23 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2551 ซึ่งถือว่าขาดทุนมากสุดเป็นอันดับสองรองจากตัวเลขขาดทุน 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2549
เกร็ก เลมอส สไตน์ นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ คอร์ป ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ท่ามกลางยอดขายที่ร่วงลงอย่างหนัก สภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา และตลาดสินเชื่อที่ตึงตัว เงินสดของฟอร์ดกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
"ในไตรมาส 4 ฟอร์ดอาจใช้เงินสดน้อยกว่าในไตรมาส 3 แต่มันก็ยังเป็นเงินจำนวนมหาศาลอยู่ดี" นักวิเคราะห์กล่าว "เราจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าฟอร์ดจะต้องกู้ยืมเงินเมื่อใด"
บิล คอลลินส์ โฆษกของฟอร์ด ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัท แต่กล่าวเพียงว่าฟอร์ดยังไม่จำเป็นต้องขอกู้ยืมเงินจากรัฐบาลสหรัฐ
แม้คู่แข่งรายสำคัญของฟอร์ดอย่าง เจเนอรัล มอเตอร์ และ ไครส์เลอร์ แอลแอลซี จะขอกู้ยืมเงินจากรัฐบาลสหรัฐเพื่อดำเนินธุรกิจต่อ แต่ฟอร์ดตัดสินใจยืนด้วยลำแข้งตัวเองในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างหนัก
โดยในไตรมาส 3 ฟอร์ดใช้เงินสดไป 7.7 พันล้านดอลลาร์ และขาดทุนจากการดำเนินงาน 2.98 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.31 ดอลลาร์ต่อหุ้น เนื่องจากการลดกำลังการผลิตลง 34% ส่งผลให้กำไรลดลง
อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดคาดการณ์ว่าบริษัทจะกลับมามีกำไรอีกครั้งในปี 2554 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน