ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในที่ประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในกรณีที่ออกมาระบุว่าจีนปั่นค่าเงินและเรียกร้องให้จีนปล่อยให้สกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้น โดยนายสตีเฟ่น โรช ผู้บริหารประจำภูมิภาคเอเชียของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า หากจีนปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่าก็เท่ากับเป็นการ "ฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจ"เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอยลงอย่างมากในขณะนี้
"ตลอดชีวิตของผม ผมยังไม่เคยเห็นว่ารัฐบาลประเทศใดสนับสนุนให้สกุลเงินแข็งค่าในยามที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย" โรชกล่าว ขณะที่นายเทรเวอร์ มานุเอล รมว.คลังแอฟริกากล่าวว่า "สหรัฐยังคงเรียกร้องให้จีนหนุนเงินหยวนแข็งค่าเพราะมองว่าจีนกำลังเอาเปรียบประเทศคู่ค้า ซึ่งก็เป็นข้อเรียกร้องเดิมๆ"
ด้านนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนกล่าวในที่ประชุมที่เมืองดาวอสว่า "จีนต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลของนายบารัค โอบามา ซึ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่การเผชิญหน้ากันมีแต่จะทำให้สูญเสียทั้งคู่"
ไกธ์เนอร์แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาและประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีความเชื่อว่าจีนกำลังปั่นค่าเงิน ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน อีกทั้งยืนยันว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีโอบามาจะกดดันจีนให้ใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แทนการปั่นค่าเงินเพื่อกระตุ้นการส่งออก
แต่ในเวลาต่อมา ธนาคารกลางจีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไกธ์เนอร์ โดยกล่าวว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริงและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
ชาร์ลส ฟรีแมน นักวิเคราะห์จากศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์เศรษฐกิจระหว่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า การที่คณะทำงานของโอบามาระบุว่าจีนปั่นค่าเงินนั้น ถือเป็นการตีความที่ต่างไปจากคณะทำงานของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ว่าจีนไม่ได้ปั่นค่าเงิน เพียงแต่ปล่อยให้เงินหยวนอยู่ในระดับต่ำกว่ามูลค่าตลาดเพื่อให้ได้เปรียบด้านการส่งออก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน