สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนน 244 ต่อ 188 เสียง ผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 8.25 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐรัฐบาลภายใต้การนำของบารัค โอบามา โดยมุ่งเน้นด้านการใช้จ่ายเร่งด่วนและการลดหย่อนภาษี ซึ่งประธานาธิบดีโอบามาเชื่อมั่นว่าแผนดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการสร้างงานได้ถึง 4 ล้านตำแหน่ง
-- โบอิ้ง โค (Boeing Co.) ผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เตรียมปลดพนักงาน 10,000 คน หรือกว่า 6% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด เพราะได้รับผลกระทบจากการประท้วงของพนักงานและการเลื่อนกำหนดส่งมอบเครื่องบินส่งผลให้บริษัทขาดทุนในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็เริ่มส่งผลให้ความต้องการเครื่องบินลดลง
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้เพียง 0.5% ในปีนี้ ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวในระดับที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากวิกฤตการเงินที่บานปลายอาจทำให้ธนาคารทั่วโลกมีตัวเลขขาดทุนสูงถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
-- ฟอร์ด มอเตอร์ โค บริษัทผลิตยานยนต์อันดับ 2 ของสหรัฐ อาจต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ หลังมีแววว่าบริษัทอาจขาดทุนในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยจะมีการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
-- องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจะส่งผลให้ตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้นอีก 40 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ และจะทำให้อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 7.1%
-- สตาร์บัคส์ คอร์ป เชนร้านกาแฟรายใหญ่สุดของโลก เตรียมปลดพนักงาน 6,700 คน และปิดสาขาเพิ่มอีก 300 แห่ง หลังกำไรไตรมาสแรกร่วงหนักเกินคาด
-- นิปปอน สตีล คอร์ป เปิดเผยว่า บริษัทจะปิดโรงหลอม 1 แห่งเป็นเวลาชั่วคราว จากจำนวนโรงหลอมทั้งหมดที่มีอยู่ 3 แห่งในเขตชิบะ โดยจะปิดทำการโรงหลอมดังกล่าวตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.นี้ เนื่องจากความต้องการเหล็กที่ทรุดฮวบลงอย่างหนักตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้วท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างหนัก ส่งผลให้นิปปอน สตีล และบริษัทเหล็กรายอื่นๆลดการผลิตเหล็กลง
-- โซนี่ คอร์ป (Sony Corp.) ยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และธุรกิจด้านความบันเทิงของญี่ปุ่นเปิดเผยผลกำไรสุทธิเดือนเม.ย.-ธ.ค. 2551 ที่ดิ่งลง 80.6% สู่ระดับ 6.62 หมื่นล้านเยน จากผลกระทบของเงินเยนที่แข็งค่า ประกอบกับยอดขายที่ตกต่ำลงท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลกเลวร้าย
-- บริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดในยุโรป เปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 2.81 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2551 สวนทางกับไตรมาส 4 ปี 2550 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.47 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างรุนแรงและบริษัทได้ปรับลดมูลค่าสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ เชลล์ระบุว่ายอดขายทรุดตัวลง 24% แตะระดับ 8.11 หมื่นล้านดอลลาร์
-- รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมพร้อมเผชิญกับการคมนาคมขนส่งที่หยุดชะงัก อันเนื่องมาจากการนัดหยุดงานประท้วงโดยแรงงานทั้งในภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ หรือที่เรียกว่า "พฤหัสฯทมิฬ" ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากประชาชนชาวฝรั่งเศสถึง 3 ใน 4 และสหภาพการค้าหลักๆทุกกลุ่ม