นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีความเข้าใจดีว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามารับหน้าที่ในช่วงที่ประเทศกำลังประสบภาวะวิกฤติ ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำและปัญหาการเมืองภายในประเทศเอง โดยเฉพาะกรณีการปิดสนามบินที่ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติลดลง แต่ทั้งนี้ยังเชื่อว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ไทยและญี่ปุ่นต่างเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และได้เตรียมมาตรการรองรับเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเชื่อว่าทั้ง 2 ประเทศจะประสานความร่วมมือและแบ่งปันข้อมูลร่วมกันที่จะให้ประเทศของตนเองพ้นจากวิกฤติ
"นักลงทุนญี่ปุ่นยังมั่นใจว่าไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพราะมีสถานที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางภูมิภาค ขณะเดียวกันยังมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี และมีนักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก และเชื่อว่าในอนาคตยังมีโอกาสสูงที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในเมืองไทยมากขึ้น" นายวีระชัย กล่าว
ด้านนายเคียวจิ โคมะชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวว่า นักลงทุนญี่ปุ่นคาดหวังว่าในอนาคตการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเมืองไทย โดยเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์ ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการเข้ามาบริหารประเทศ นอกจากไทยจะมีนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศแล้ว คนไทยและสังคมไทยที่มีไมตรีและต้อนรับชาวต่างประเทศซึ่งมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมบรรยากาศที่เอื้อต่อนักธุรกิจชาวต่างประเทศและมีส่วนต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย
พร้อมกันนี้ ญี่ปุ่นยังชื่นชนต่อมาตรการของรัฐบาลในการลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อประชาชน โดยมองว่าเป็นแนวคิดที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ ซึ่งญี่ปุ่นเองได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน เชื่อว่านายกรัฐมนตรีไทยจะประสบความสำเร็จในการเดินทางเยือนญี่ปุ่นและส่งเสริมความร่วมมือของ 2 ประเทศในสาขาต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว, ความร่วมมือวัฒนธรรม, การปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงด้วย