นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการกู้เงินมาเพื่อชดเชยเงินคงคลังนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งในปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลมีภาระต้องชดเชยเงินคงคลัง จำนวน 19,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมจะใช้งบกลางปี 52 มาชดเชย แต่เมื่อไม่สามารถดำเนินการได้ รัฐบาลคงต้องใช้เงินภาษีมาชดเชยเงินคงคลังแทน
ทั้งนี้เห็นว่า เมื่องบประมาณกลางปี 52 วงเงิน 1.167 แสนล้านบาท ผลักดันเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.9% และเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น จะทำให้ฐานภาษีขยายตัวมากขึ้น โดยประเมินว่าจะช่วยทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้กว่า 12,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องปรับขึ้นอัตราภาษี
นอกจากนี้ รัฐบาลจะมีรายได้จากการที่มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ก.พ. 52 ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เฉลี่ย 1,600 ล้านบาท/เดือน
"เมื่อรัฐบาลกู้เงินมาชดเชยเงินคงคลังไม่ได้ ก็ไม่มีปัญหา เพราะปีงบประมาณ 52 ประเมินว่ามีเม็ดเงิน กระตุ้นเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะทำให้ฐานภาษี เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม มีมากขึ้น คาดว่าจะมีรายได้เข้ารัฐกว่า 12,000 ล้านบาท และ อีกด้านเป็นการขึ้นภาษีน้ำมัน คาดว่าจะทำให้รัฐมีรายได้รวมกว่า 80,00 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอชดเชยเงินคงคลัง" นายสมชัย กล่าว