"โอบามา"ฉุนวอลล์สตรีทจ่ายโบนัส $1.84 หมื่นล้าน ชี้น่าละอาย-ไร้ความรับผิดชอบ

ข่าวต่างประเทศ Friday January 30, 2009 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐออกโรงตำหนิบริษัทในวอลล์สตรีทที่จ่ายเงินโบนัสมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งๆที่ยังต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล ชี้เป็นพฤติกรรมที่ "น่าละอาย" และ "ไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุด"

คำวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของนายโอบามาในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่มีรายงานว่า เมื่อปีที่ผ่านมา พนักงานและผู้บริหารของบริษัทในวอลล์สตรีทได้รับโบนัสรวม 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รัฐบาลต้องนำเงินภาษีของประชาชนไปช่วยไม่ให้บริษัทเหล่านี้ล้มละลายท่ามกลางวิกฤตการเงิน

ทั้งนี้ นายโอบามาได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวก่อนเข้าหารือกับนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลัง และรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ทำเนียบขาว และได้เรียกร้องให้บริษัทในวอลสตรีทมีความยั้งคิดและมีวินัยมากกว่าที่เป็นอยู่

ขณะเดียวกัน วุฒิสมาชิกคริสโตเฟอร์ ดอดด์ หนึ่งในคณะทำงานของนายโอบามาได้ออกมาเรียกร้องให้มีการยึดเงินโบนัสดังกล่าวกลับคืนมา โดยชี้ว่าเงินโบนัสประจำปี 2551 ที่กลุ่มสถาบันการเงินได้รับนั้น ถือเป็นโบนัสก้อนใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ลำดับที่ 6 ของสหรัฐทั้งๆที่บริษัทเหล่านี้รายงานตัวเลขขาดทุนมากเป็นประวัติการณ์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดาธนาคารและสถาบันการเงินได้ปลดพนักงานไปทั้งสิ้น 265,000 ตำแหน่งนับตั้งแต่เกิดวิกฤตซับไพรม์ ที่เป็นชนวนเหตุให้เกิดวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) โดยวาณิชธนกิจแบร์สเติร์น โค และเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ ประสบภาวะล้มละลาย ขณะที่เมอร์ริล ลินช์ ถูกแบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์เทคโอเวอร์ ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ ต้องเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ขณะที่กระทรวงคลังได้หาทางผ่าวิกฤตดังกล่าวด้วยการเจียดเงินราว 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจากโครงการฟื้นฟูสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) มาใช้เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ