นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการเป็นประธานในพิธีขนานโรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 5 ว่า เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และมีที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางการใช้ไฟฟ้า ทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้ลดความสูญเสียและ ลดการลงทุนในด้านระบบการส่งไฟฟ้า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าสะอาด ไม่สร้างปัญหาด้านมลภาวะและสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชน
ด้านนายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า โรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 5 เป็นโรงไฟฟ้า พลังความร้อนร่วม ขนาดกำลังผลิตประมาณ 760 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย เครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันแก๊ส จำนวน 2 เครื่อง เครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำ จำนวน 1 เครื่อง ใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอ่าวไทยเป็นเชื้อเพลิงหลัก ในอัตราการใช้ก๊าซสูงสุดประมาณ 120 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 16,760 ล้านบาท
เมื่อโรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 5 ได้เข้าระบบไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว ชุมชนจะได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของกองทุนพัฒนาชุมชนพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าในอัตรา 1 สตางค์/หน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 30-50 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาชุมชนเป็นไปอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าบางปะกงชุดที่ 5 เป็นโครงการที่บรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของไทย ปี 47-58 (Power Development Plan : PDP 2004) โดย กฟผ. ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เมื่อ 25 ก.ค.49 เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นของทั้งภาคครัวเรือน ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในแถบภาคตะวันออก ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าให้กับประเทศอีกด้วย