นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า การที่ตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้นรายเดือนแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 ปีนั้น สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนซึ่งขยายตัวรวดเร็วที่สุดในโลก มีแนวโน้มรอดพ้นจากภาวะถดถอย โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.84 แสนล้านดอลลาร์
รัสส์ โคสเตริช นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์ส กล่าวว่า "จีนกำลังใช้มาตรการทุกๆด้านเพื่อยับยั้งเศรษฐกิจจากภาวะถดถอย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.84 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจช่วยให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวเกือบ 8% ในปีนี้ หลังจากขยายตัวเพียง 6.8% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 8 ปี"
รัฐบาลจีนกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ของรัฐเพิ่มอัตราการปล่อยกู้ ควบคู่ไปกับการใช้แผนกระตุ้นภาคการเงินมูลค่า 4 ล้านล้านเยน, ลดภาษีส่งออก และสนับสนุนอุตสาหกรรม 10 ประเภท โดยผ่านการลดหย่อนภาษีและสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กและรถยนต์ ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศยกเลิกเพดานการปล่อยกู้ประจำปีของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 4 นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ ปล่อยกู้ให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้นด้วย
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ว่า จีนกำลังพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินที่สูงขึ้นเพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากภาวะถดถอย
ขณะที่สตีเฟ่น โรช ประธานมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย เชื่อว่าจีนจะสามารถนำพาทั่วโลกหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้ แม้ในยามที่สหรัฐซึ่งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่สุดของจีน จะนำเข้าสินค้าจากจีนน้อยลงก็ตาม