นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ในวันที่ 4-7 ก.พ.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยคณะนักธุรกิจของไทยจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นแก่นักธุรกิจและนักลงทุนในต่างประเทศ โดยมุ่งหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งด้านการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว
"เชื่อว่าผลของการเดินทางไปในครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ จะสร้างความเชื่อมั่นได้ตามวัตถุประสงค์ ช่วยทำให้การค้า การท่องเที่ยวกลับมาสู่ปกติและขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักธุรกิจญี่ปุ่นว่าทุกอย่างสามารถจะขยายความร่วมมือกันได้" นายราเชนทร์ ระบุ
สำหรับมูลค่าการส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ 3% จากในปี 51 ที่มีมูลค่าการส่งออกราว 20,090 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะจะได้หารือกับหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญ 2 แห่งของญี่ปุ่น ประกอบด้วย กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม(METI) และ JETRO โดยจะหารือเรื่องความร่วมมือในการสนับสนุนภาคเอกชนให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลง JTEPA และหารือเรื่องความร่วมมือ 7 สาขาภายใต้ JTEPA ได้แก่ โครงการส่งเสริมครัวไทยสู่ครัวโลก, โครงการความร่วมมือเหล็กไทย-ญี่ปุ่น, โครงการสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอุตสาหกรรมยานยนต์, โครงการเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน, โครงการสร้างมูลค่า, โครงการหุ้นส่วนภาครัฐและเอกชน และโครงการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก มองว่า การส่งออกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้คงจะยังไม่ดีขึ้นได้ แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีการส่งออกน่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น จากผลที่หลายประเทศออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้พร้อมๆ กัน ทั้งสหรัฐฯ, สหภาพยุโรป, จีน และ อินเดีย เป็นต้น
"ต้นปี(ส่งออก) คงยังไม่ดี แต่เชื่อว่าครึ่งหลังของปีน่าจะดีขึ้น ที่หลายคนมองว่าแย่คงจะไม่ถึงขนาดนั้น เพราะจากที่ทุกประเทศใส่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไป ทั้งสหรัฐ ยุโรป จีน และ อินเดีย แต่จะดีจากหลังมือเป็นหน้ามือคงไม่ได้ในต้นปี แต่ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น" นายราเชนทร์ ระบุ